
เลขาฯ เพื่อไทย ย้ำยืนบนความบริสุทธิ์ใจ หลังศาลรัฐธรรมนูญตีตกคำร้อง ‘ทักษิณ‘ ล้มล้างการปกครองฯ รับกังวลเหตุเชื่อถูกร้องอีก เปรียบเหมือน “กรวดในรองเท้า“ อย่าใช้อคติขัดจังหวะประเทศ ขอใช้เวลาที่เหลือพิสูจน์ผลงาน วอนก้าวข้าม อดีตนายกฯ ได้แล้ว
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงความรู้สึกภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับพิจารณาวินิจฉัยคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ที่ยื่นขอให้สั่ง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองฯ สบายใจมากขึ้นหรือไม่ว่า
ตามที่ตนเคยบอกไปแล้ว ทั้งหมดทั้งปวง เรายืนอยู่บนความบริสุทธิ์ใจจริง ๆ และตนมองในฐานะนักการเมืองคนหนึ่ง การจะทำอะไร ถ้ามีอะไรมาขัดจังหวะอย่างนี้เรื่อย ๆ ตนมองว่าไม่เกิดผลดีอะไรกับประเทศเลย หากการร้องอยู่บนพื้นฐานของการมีอคติทางการเมือง แม้การร้องเรียนถือเป็นสิทธิ
ทั้งนี้ ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่ารายได้หลักของประเทศเราคือการท่องเที่ยว รวมถึงการลงทุนต่าง ๆ ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มันเกี่ยวข้องกับความเชื่อมั่นของนักลงทุน นักท่องเที่ยว เพราะเมื่อไหร่ที่การเมืองไม่นิ่ง หรือประเทศมีความขัดแย้ง ตนจึงมองว่าจะส่งผลโดยตรงอย่างแน่นอน
นายสรวงศ์กล่าวอีกว่า แต่ถึงอย่างไรเราก็ผ่านมาได้ส่วนหนึ่ง แต่ก็คงมั่นใจว่าไม่ใช่กรณีสุดท้าย แล้วก็คงจะมีการร้องกันอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งตนก็เชื่อว่าประชาชนติดตามอยู่ว่ามันเป็นยังไง
เมื่อถามว่า หลังจากนี้กังวลหรือไม่ เพราะขณะนี้แม้จบไปแล้วหนึ่งเรื่อง แต่หลังจากนี้อาจมีเรื่องร้องเรียนอีก เลขาธิการพรรคเพื่อไทยยอมรับว่า ก็กังวลตลอด พร้อมเปรียบเทียบคำว่า “กังวลตลอด” เหมือนกับ “กรวดในรองเท้า” ทำให้รู้สึกเหมือนไม่สมูต แต่หากถามว่ากังวลเรื่องจะโดนร้องเรียนหรือไม่ พรรคเพื่อไทยมองว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ผ่านมามันก็โดนมาตลอด แต่ไม่ว่าเราจะทำอะไร ก็อยู่บนพื้นฐานความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งนายกฯ และพรรคเพื่อไทยก็พร้อมที่จะสู้ทุกกรณี
เมื่อถามย้ำว่า จะสามารถขจัดกรวดในรองเท้าออกไปได้หรือไม่ นายสรวงศ์ยอมรับว่า “ไม่ได้หรอกครับ เพราะทางการเมือง ต่างคนต่างความคิด การเมืองมีการเลือกข้าง (Take Side) แต่ก็ขอความกรุณาให้มองถึงภาพรวมของประเทศ และขณะนี้รัฐบาลก็เหลือเวลาทำงานไม่ถึง 3 ปี ก็วัดด้วยผลงาน ซึ่งอะไรที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ แต่ปัจจุบันมีสิ่งหนึ่งที่นายกฯ พูดอยู่ตลอดเวลาคือ ขอบคุณเวลา ที่ทำให้เรายังมีเวลาพิสูจน์ตัวเอง และมีเวลาที่จะกลับมาในใจของพี่น้องประชาชนคนไทยในการพิสูจน์ผลงาน
ส่วนการทำงานของรัฐบาลหลังจากนี้จะราบรื่นขึ้นหรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า เอาตรง ๆ เรื่องเหล่านี้ไม่เคยอยู่ในระบบความคิดการทำงานของพวกเราเลย ซึ่งตนและนายกฯ ก็มองว่าปล่อยให้เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมายดำเนินการไป ส่วนการทำงานของรัฐบาลก็ยังคงทำต่อไป และไม่ได้มองเรื่องการร้องเรียนเหล่านี้มาเป็นส่วนประกอบในการทำงานเลย ซึ่งพวกเราจะทำงานเต็มที่ไปเรื่อย ๆ
เมื่อถามว่า จากหลายปัจจัยจึงทำให้ช่วงนี้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ สบายใจขึ้นหรือไม่ นายสรวงศ์ ปฏิเสธว่า ไม่หรอก แต่ท่านพูดเสมอว่าอายุเยอะแล้ว ประกอบกับท่านเป็นผู้มีประสบการณ์ด้วย ฉะนั้นการจะนำประเด็นของคุณทักษิณมาเกี่ยวข้องตลอดไม่ได้หรอก และควรก้าวข้ามไปได้แล้ว เพราะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและนายกฯ คนปัจจุบันชื่อแพทองธาร
ฉะนั้นควรนำสิ่งที่หัวหน้าพรรคและนายกฯ พูดเป็นหลัก ซึ่งคุณทักษิณ แม้เป็นอดีตนายกฯ เป็นบิดาของหัวหน้าพรรคและนายกฯ คนปัจจุบัน และมีประสบการณ์มากกว่าพวกเราอยู่แล้ว ฉะนั้นสิ่งต่าง ๆ ที่ท่านยกขึ้นมา มองว่าเป็นข้อแนะนำดีกว่า พวกเราก็รับฟังไว้ อันไหนปฏิบัติได้ก็ทำ อันไหนปฏิบัติยากก็ต้องพูดคุยกัน พร้อมย้ำว่าไม่ใช่เป็นการมาครอบงำอะไรหรอก