วิสัยทัศน์ (ว่าที่) หัวหน้าประชาธิปัตย์ 3 นาทีสุดท้ายของการดีเบต

ประชาธิปัตย์-ดีเบต

ปกป้องพรรค-ต่อสู้เพื่อประชาชน

นายอภิสิทธิ์ : ผมเป็นคนตัดสินใจให้มีการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรควันนี้ เป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงพรรคครั้งใหญ่ เป็นก้าวแรกไปสู่ก้าวต่อ ๆ ไป ผมจะนำเทคโนโลยีและกระบวนการใหม่ ๆ ของประชาชนที่เป็นเจ้าของพรรคให้มีส่วนร่วมทำนโยบาย เพื่อพิสูจน์และยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ คือ พรรคการเมืองเดียวในประเทศไทยที่เป็นประชาธิปไตยและทันสมัยอย่างสมบูรณ์แบบ ผมต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่า 72 ปีของพรรคประชาธิปัตย์วันนี้ เราอยู่ในฐานะผู้นำทางการเมืองไทยและเป็นสถาบันทางการเมืองอย่างแท้จริง

แน่นอน หลังวันที่ 5 พ.ย.เป็นต้นไป หัวหน้าพรรคมีภารกิจสำคัญนำพรรคเข้าสู่การเลือกตั้งและสำคัญก็นั้น คือ นำประเทศออกจากสภาวะวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองที่ติดหล่มมานานกว่า 10 ปี ผมต้องการยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวของตัวเอง ประชาธิปัตย์เป็นทางหลักของประเทศที่มีทางเลือกดีกว่าเผด็จการกับคนโกง

จุดยืนเสรีนิยมประชาธิปไตย เป็นประชาธิปไตยที่กินได้แต่ไม่โกง นโยบายทั้งเก่าและใหม่ เก่าที่เคยโดนใจจะสานต่อ จากหลักประกันรายได้ไปสู่ทุกอาชีพมีหลักประกันถ้วนหน้าว่าจะมีรายได้ที่ดี จากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ กองทุนเงินออม-กองทุนสวัสดิการชุมชนไปสู่การรองรับสังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ จากนโยบายเรียนฟรีไปสู่การศึกษาที่มีคุณภาพ จบการศึกษาแล้วมีงานทำ และจะมีนโยบายใหม่ ๆ แนวคิดใหม่ ๆ แบบก้าวกระโดด

เลิกใช้ตัวเลขจีดีพีเป็นหลักในการวัดความเป็นอยู่ของประชาชน จะขจัดการผูกขาดทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน จะมีสังคมสวัสดิการเกิดขึ้นจากการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน จะมีการกระจายอำนาจเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด สังขยานากฎหมาย เป็นการเมืองที่มีความซื่อสัตย์และผมในฐานะประธานอาเซียนปีหน้าจะนำประเทศไทยเป็น 1 ในภูมิภาคอีกครั้ง

“สายเลือดประชาธิปัตย์คนนี้ผูกพันกับพรรคมานาน ผมรู้จักสนใจพรรคตั้งแต่ผมยังไม่จบประถม ผมเดินหาเสียงให้กับพรรคประชาธิปัตย์ครั้งแรกผมยังไม่เข้ามหาวิทยาลัย”

“27 ปีที่ผมเป็นนักการเมืองในนามพรรค ผมทุ่มเทชีวิต ทำงานของผมให้กับพรรคการเมืองพรรคนี้ แต่ที่ผมทุ่มเทให้เทียบไม่ได้กับบุญคุณที่พรรคมีต่อผม กับคุณูปการที่พรรคนี้มีให้กับประเทศชาติ”

“ผมปกป้องพรรค ต่อสู้เพื่อพรรคและประชาชนในทุกสถานการณ์ ภัยคุกคามต่อพรรคมี ยังมีคนจ้องทำลาย ยังมีคนคอยอยากใช้พรรคเป็นเครื่องมือ ผมไม่ยอม และ ผมใช้โอกาสนี้ให้เจ้าของพรรคตัวจริง เจ้าของพรรคประชาธิปัตย์ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส นอกจากรักษาพรรค รักษาอุดมการณ์แล้ว และนำประเทศไทยไปสู่ความรุ่งเรือง”

สร้างบ้านให้แข็งแกร่ง-เป็นที่พึ่งประชาชน

หมอวรงค์ : ผมเชื่อมั่นในเจ้าของพรรค เจ้าของพรรคตัวจริง คือ ประชาชน ประชาชนทุกคนที่เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เหล่านั้น คือ เจ้าของพรรค

อดีตที่ผ่านมาเราสัมผัสได้ว่า เจ้าของพรรคมีโอกาสน้อย การเลือกตั้งแบบนี้ ทุกคนในพรรคมีส่วน ผมมีส่วน เพื่อน ๆ ของผมมีส่วน รูปแบบการเลือกตั้งแบบวันนี้ มีการพูดคุยกันครั้งแรกที่ จ.อุบลราชธานี วันที่ 9 พ.ย.60 ทุกคนเห็นว่า พรรคจะใช้การเลือกตั้งแบบเดิมไม่ได้ พรรคที่อยู่ในรูปแบบเดิมไม่เข้มแข็ง พรรคต้องเปลี่ยนวิธีการเลือกตั้งด้วยการให้ประชาชนที่เป็นสมาชิกเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นมาเป็นความคิดของหลายส่วนในการผลักดัน

ผมขอยืนยันว่า ไม่ต้องกังวลใจ หลายคนกังวลใจในการแข่งขันครั้งนี้ การแข่งขันครั้งนี้เป็นการวัดหัวใจ วัดสปิริตของความเป็นนักประชาธิปไตย ผมมีหัวใจของนักประชาธิปไตยเต็มร้อย”

“ถ้าผมชนะ ผมใจกว้างที่จะเชิญทุกคนมาร่วมพรรคประชาธิปัตย์ให้แข็งแกร่ง ถ้าผมแพ้ ผมจะร่วมมือในทุกเงื่อนไข พรรคประชาธิปัตย์เป็นบ้านของเราทุกคน พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่บ้านของใครคนใดคนหนึ่ง ผมก็เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ ผมเชื่อว่าผมก็รักบ้านหลังนี้ไม่น้อยกว่าคนอื่น เราต้องมีวิธีคิดให้บ้านหลังนี้เข้มแข็ง เป็นบ้านที่เป็นที่พึ่งของประชาชน”

“การที่ผมและเพื่อนตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะเราเชื่อว่า เราสามารถทำให้บ้านหลังนี้เข้มแข็งได้ และ หลายคนอาจไม่สบายใจ มีข้อกังวลใจ ขอบอกทุกคนว่า 1 เดือนที่ผ่านมาผมเหนื่อยมาก เหนื่อยแบบแสนสาหัส ความรู้สึกเหมือนสู้กับระบอบทักษิณเมื่อปี 2548 เป็น 1 ใน 4 ที่ชนะเข้ามาในพื้นที่ภาคเหนือ บางครั้งผมอ้างว้าง หลายคนไม่กล้าคุยกับผม แต่ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ ผมถือว่าประชาธิปัตย์ คือ บ้านของผม พรรคประชาธิปัตย์ คือ พรรคของผมเหมือนกัน พรรคนี้จะเป็นพรรคสุดท้ายที่ผมใช้ชีวิตในการเมือง

“ขอโอกาสสร้างจุดเปลี่ยนพรรค-จุดเปลี่ยนประเทศ

นายอลงกรณ์ : น้ำเน่าในคลองแสนแสบเป็นตัวแทนของการเมืองแบบเก่า การเมืองที่เต็มไปด้วยการทุจริตการเลือกตั้ง การเมืองของการสร้างความแตกแยก ขัดแย้ง การเมืองที่วนเวียนอยู่กับการรัฐประหาร การเมืองที่ไม่สามารถเข้าไปจัดการปัญหาการผูกขาดที่ก่อให้เกิดความยากจน ความล้าหลัง

ผมจะปักธงการเมืองสีขาว เป็นน้ำบริสุทธิ์ที่ทุกคนต้องดื่มและจะเป็นสิ่งที่จะทำให้ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนทั่วทั้งประเทศ แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ตาม วันนี้ต้องเป็นผู้นำที่เดินหน้าประกาศ เด็ดเดี่ยว ต้องไม่กลัวแพ้ ต้องยืนหยัดต่อวิถีทางการเลือกตั้งที่สุจริตให้เป็นแบบอย่าง”

“ถ้าสมาชิกให้อำนาจผมเป็นหัวหน้าพรรค ผู้สมัครส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อ ผมจะขอใบลาออกล่วงหน้าทุกคน เขตไหนมีหารทุจริตการเลือกตั้ง ผมจะปลดกลางอากาศหาเสียงเลือกตั้ง ไม่สนใจและจะขอโทษประชาชนว่า เราเลือกคนผิด ประชาชนจะฮือ สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ว่า เป็นพรรคประชาธิปไตยตัวจริง”

“ถ้าได้เป็นรัฐบาล ผมจะขอใบลาออกจากรัฐมนตรีทุกคน มีข่าวทุจริต ภายใน 36 ชั่วโมง ชี้แจงกรรมการคุณธรรมที่จัดตั้งขึ้นใหม่ไม่ได้ เอาออกทันที และในฐานะนายกรัฐมนตรีจะยื่นใบลาออกกับกรรมการบริหารพรรค ไม่ต้องรอให้ใครมายื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ความศรัทธาเชื่อถือของพรรคจะเกิดขึ้นทันที ไม่มีอะไรเหนือกว่าความศรัทธาของประชาชน พูดแล้วทำให้ได้ พูดแล้วทำจริง เป็นประชาธิปัตย์ยุคใหม่”

“ขอโอกาสผมเถอะครับ ผมรู้ว่าทุกท่านมีความรู้ ความสามารถ กล้าที่จะทำและเคยพิสูจน์มาแล้วที่อยู่กับพรรค ออกจากพรรคไป 3 ปีไม่เคยแตะต้องผลประโยชน์ แต่เวลาจะกลับมาบางคนบอกว่าแม้แต่เป็นภารโรงยังเป็นไม่ได้เลย ผมกลับมาเพื่อขอโอกาสเป็นผู้นำพรรคประชาธิปัตย์ สร้างจุดเปลี่ยนพรรค จุดเปลี่ยนการเมือง จุดเปลี่ยนประเทศ”

 

อ่านต่อ วิสัยทัศน์ 3 หน.ปชป. ศึกดีเบต 61 ประชาธิปัตย์ถือธงหาฉันทามติ แก้ รธน.60