เพื่อไทยขู่! ล็อก 300 เสียง ดีลพรรคร่วมฝ่ายประชาธิปไตย ชิงจัดตั้งรัฐบาล

เมื่อเวลา 14.40 ที่พรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยแกนนำพรรค แถลงข่าวเตรียมจัดตั้งรัฐบาล โดยมี ว่าที่ ส.ส.เพื่อไทย 137 เขต เป็นแกนนนำ โดยคาดว่าจะมี ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลประมาณ 300 เสียงร่วมจัดตั้ง มาจากพรรคที่ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีทุกพรรค ยกเว้นพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กับพรรคคุณสุเทพ (พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.)

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ขณะนี้ได้มีการเปลี่ยนหัวหน้าพรรคไปแล้ว ต้องรอดูผลการเจรจา กับหัวหน้าคนใหม่

“พรรคเพื่อไทยในฐานะที่ได้เสียง ส.ส. มากที่สุด จะเดินหน้าประสานงานเพื่อรวบรวมเสียงในการจัดตั้งรัฐบาลต่อไปภายใต้หลักการที่ไม่เปลี่ยนแปลง โดยจะร่วมงานกับพรรคที่ประกาศตัวชัดเจนเรื่องการปฏิเสธการสืบทอดอำนาจ และยังคงเดินตามเจตนารมณ์ของประชาชนที่ได้แสดงออกผ่านการเลือกตั้ง”

ส่วนสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คน สมควรทำตามเสียงของประชาชน

ด้านนายภูมิธรรม เวชชยชัย เลขาธิการ พท. กล่าวว่า พท. ได้ว่าที่ ส.ส. แบบแบ่งเขต 137 ที่นั่ง โดยถือเป็นพรรคอันดับ 1 ส่วนพรรคอันดับ 2 ได้ 112 ที่นั่ง ดังนั้น “พรรคฝ่ายประชาธิปไตย ก็ต้องหาทางออกร่วมกันเพื่อให้เกิดผลดีที่สุดสำหรับประเทศ และย้ำว่า เราจะทำตามเจตนารมณ์ของประชาชน ไมใช่ความทะยานอยากของใครบางคน”

“ถ้าดูจากฉันทามติ เราได้รับการยอมรับ ซึ่งตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตย พรรคที่ได้ฉันทานุมัติให้มีที่นั่งในสภาสูงสุด ก็จะได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน” เลขาธิการ พท. กล่าว

ด้านนายโภคิน พลกุล แกนนำ พท. กล่าวว่า พรรคการเมืองที่แสดงเจตนารมณ์ไม่สืบทอดอำนาจมีมากกว่า 300 เสียง ก็เท่ากับยืนยันเจตจำนงที่ต้องการเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องการเห็นการสืบทอดอำนาจต่อไป

ที่มีการอ้างว่า พปชร. ได้คะแนนเสียงจากประชาชนมากกว่า พท. แม้จะได้ที่นั่ง ส.ส. น้อยกว่านั้น นายโภคินอธิบายว่า “กติกาวันนี้ท่านเขียนเองว่าคนจะเลือกนายกฯ ไม่ใช่ป๊อบปูลาร์โหวต แต่เป็น ส.ส. กติกาของไทยไม่ได้ไปดูตรงที่ว่าใครได้เสียงจากประชาชนมากกว่ากัน แต่ดูตรงใครมีจำนวน ส.ส. มากกว่า เพราะการจะเลือกนายกฯ ดูที่ ส.ส. แต่บังเอิญครั้งนี้ไปบวกเอา ส.ว. มาด้วย อย่างในประเทศอังกฤษก็มีพรรคที่ได้ที่นั่งในสภามากกว่า แต่คะแนนป๊อบปูลาร์โหวต (เสียงมหาชน) น้อยกว่า หรือโดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ ก็ได้คนที่ไปโหวตเลือก ปธน. มากกว่า แต่มีป๊อบปูลาร์โหวตน้อยกว่า”