“บิ๊กโจ๊ก” หักพาล ออกจากกรุทำเนียบ ท้ารบ “บิ๊กแป๊ะ”

ทิ้งระเบิดใส่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กรณี “คลิปแฉ” เสียง “บิ๊กสีกากี” ล้วง-ล้ำคดียิงถล่มรถยนต์ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

“ฉากกระสุน” สาดใส่รถยนต์หรู พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ “จุดประเด็น” ความ “ไม่ชอบมาพากล” ในโครงการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องตรวจสอบและพิสูจน์อัตลักษณ์ (ไบโอแมทริกซ์) และโครงการจัดซื้อจัดจ้างรถตรวจการณ์ไฟฟ้า ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ให้กลับมา “ดังกระหึ่ม” อีกครั้ง

ปมไบโอแมทริกซ์-รถตรวจการณ์ไฟฟ้า เป็น “คำสั่งเสียสุดท้าย” ที่ “จงใจ” ทิ้งร่องรอยไว้เป็น “เบาะแส” ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนพล.ต.ท.สุรเชษฐ์จะ “ถูกเด้ง” จากผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.)  มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.)

โดยขาดจากอำนาจ-ตำแหน่งเดิมจากคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 232/2562 เรื่อง ข้าราชการตำรวจปฏิบัติการ ลงนามโดย “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ วันที่ 5 เมษายน 2562

ท่ามกลางข่าวลือสะพัดหลายกระแสถึง “เหตุจูงใจ” การ “ปลดฟ้าผ่า”พล.ต.ท.สุรเชษฐ์   

ตำแหน่งสุดท้ายของ “บิ๊กโจ๊ก” ก่อนออกมาเปิดหน้าชก-ดับเครื่องชน “พิทักษ์ 1” คือ “ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี” ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 2/2562 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเพิ่มเติม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง สั่ง ณ วันที่ 9 เมษายน 2562

ประกอบคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 16/2558 เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างถูกตรวจสอบและการกำหนดกรอบอัตรากำลังชั่วคราว ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2558

ข้อ 1 ให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ในบัญชีรายชื่อเพิ่มเติมตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 16/2558

“ข้อ 2 ให้ข้าราชการตำรวจตามข้อ 1 ขาดจากตำแหน่งหน้าที่และอัตราเงินเดือนเดิม ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อโอนไปเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหารระดับสูง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) ตามข้อ 1 วรรคหนึ่ง ของคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 16/2558”

ในช่วง “บิ๊กโจ๊ก” ยังเป็น “ดาวรุ่งพุ่งแรง” ติดยศ “พล.ต.ต.” สมัยเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี” ลงนามคำสั่งโดย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรองนายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยุคคสช. เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2561

“นายกฯ และ พล.อ.ประวิตร ห่วงใยประชาชนในเรื่องหนี้นอกระบบ และการเอารัดเอาเปรียบของนายทุน ฉ้อฉล กลโกงต่างๆ มีการยึดบ้านและที่ดิน และปล่อยเงินกู้นอกระบบ คิดดอกเบี้ยเกินความจริง รวมทั้งปัญหาหลอกลวงให้ลงทุน เป็นปัญหาระดับประเทศที่ทำลายความมั่นคง อาทิ กรณีบิทคอยน์ รวมถึงการหลอกลวงทางระบบโซเชียลมีเดีย และระบบคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งทั้งหมดนี้รัฐบาลให้ความสำคัญ”พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ (ยศในขณะนั้น) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี

ด้วยบทบาทกล้าได้-กล้าเสีย ใจถึง-พึ่งได้ รับงานร้อน-งานเสี่ยงอันตราย และโชว์ผลงานเกินหน้า-เกินตา ทำให้พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ก้าวขึ้นมา “ทาบรัศมี” บิ๊กสีกากี 

จนมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างทำนองว่า “พล.ต.ต.ใหญ่กว่า พล.ต.อ.” ทำให้พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ต้องออกมาชี้แจงผ่านแฟนเพจของตัวเองเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2561

“ครับ….คงทราบกันว่าข่าวคราวที่ออกมาเมื่อปีก่อน พูดกันถึงตำรวจ ยศ พล.ต.ต. ใหญ่กว่า พล.ต.อ. ซึ่งแน่นอนว่า สื่อหลายสำนักชี้นำว่า พล.ต.ต. คนนั้นคือผม เพราะภาพที่เผยแพร่ออกสู่สายตาประชาชนมันสร้างความเข้าใจไปในทิศทางนั้น

พี่แป๊ะ หรือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. คือรุ่นพี่ที่ผมเคารพรัก และเป็นต้นแบบตำรวจที่เพียบพร้อมหลายๆด้าน ใจถึง พึ่งได้ ทำงานเก่ง  สมเป็นผู้บังคับบัญชา อีก 1 ท่าน ที่น่ายกย่อง พี่แป๊ะ ดำรงตำแหน่งที่สำคัญ ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติมามากมาย ล้วนแล้วแต่เป็นตำแหน่งหลักที่มุ่งพัฒนา บำบัดทุกข์บำรุงสุขสู่ประชาชน

ณ วันนี้ กับตำแหน่งผู้นำสูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นความรับผิดชอบที่เหมาะสมลงตัว ด้วยนโยบายการ กวาดล้างอาชญากรรมอย่างเข้มข้นในรอบหลายปีที่ผ่านมา จึงไม่แปลกอะไรที่ตำรวจไทยขยันขันแข็ง ลงพื้นที่กวาดล้างอาชญกรรม ขับเคลื่อนงานสุดขีด ความสามารถ

“ภาพที่ไม่ต้องสร้าง” เรื่องจริงที่ต่างรู้กันอยู่แก่ใจ ความเคารพในฐานะผู้บังคับบัญชา และฐานะน้องร่วมสถาบัน ข่าวลือที่แพร่สะพัด จึงไม่สามารถทำลายความสัมพันธ์ใดๆ

ด้วยความเคารพรักอย่างสูง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. (น้องโจ๊ก)”

“บิ๊กโจ๊ก” ในตำแหน่งปัจจุบัน-ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แม้จะได้รับ “มอบงาน” แบบ “ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร” จากนางพัชราภรณ์ อินทรียงค์ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี-อดีตผู้บังคับบัญชา เสมือนเป็นที่ปรึกษา-ให้คำแนะนำระบบการบริหารด้านการบริหารประชาชน

ทว่าพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ “กบดาน” มากว่า 9 เดือน-ยังไม่ทันได้โชว์ฝีไม้ลายมือ ก็ออกมาเปิด “ศึกสายเลือด” สะเทือนวงการสีกากี-ทำเนียบรัฐบาลเสียแล้ว