“พิธา” ซักฟอก “ประยุทธ์” ไฮสปีดเอื้อซีพี ยาพารา 5 แสนล้าน ยื้อเศรษฐกิจมะเร็ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วง 18.30 น.นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อจากพรรคฝ่ายค้าน อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เรื่องการบริหารราชการแผ่นดินขาดความรู้ ความสามารถ ล้มเหลวด้านเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อประชาชนทุกภาคส่วน ทำให้เกิดการรวยกระจุก จนกระจาย ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์พวกพ้อง โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนโดยรวม

จีดีพีจะโตเท่าไหร่ไม่สำคัญ ถ้าจีดีพียิ่งโตยิ่งเหลื่อมล้ำ คนจนเพิ่มขึ้น 2 ล้านคนใน 5 ปีที่ผ่านมา เห็นได้ชัด นโยบายเศรษฐกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนโยบายของนายทุน โดยนายทุน เพื่อนายทุน ตอนนี้สภาวะเศรษฐกิจยังไม่ใช่วิกฤต เพราะจีดีพียังไม่ติดลบ แต่ปัญหามีอยู่จริงไม่ได้เป็นมายาคติ เผลอๆ จะแย่กว่าวิกฤตเศรษฐกิจในอดีตปี 2540 ดัชนีความมั่นใจของนักลงทุนของนักธุรกิจตอนนี้กับวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ ปี 2554 เท่ากัน วิกฤตเศรษฐกิจล่าสุดของไทย ที่กลัวเหลือเกินว่านักลงทุนจะหนีไป ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของันกลงทุนปีที่ผ่านมาหลังการเลือกตั้งเมื่อเทียบวิกฤตน้ำท่วม 2554 แย่พอๆ กัน ถ้าเราย้อนหลังวิกฤตไปอีก คือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์เมื่อปี 2552 ซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลก ถ้าเรานำตัวเลขของคนว่างงานและขอใช้ประกันสังคม ปี 2552 มีทั้งสิ้น 1.4 แสนคน แต่ตอนนี้ 1.7 แสนคน แย่กว่าตอนแฮมวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ อัตราการเดินเครื่องจักรเท่ากัน 60 เปอร์เซ็นต์ หนี้สินครัวเรือนแย่กว่า 80 เปอร์เซนต์ เป็นอันดับสองของเอเชีย เมื่อเทียบกับกฤตแฮมเบอร์เกอร์ซึ่งอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์

และถ้าเทียบกับตอนต้มยำกุ้งตัวเลขอาจจะแย่แต่เป็นวกฤติของคนรวย จีดีพีภาคการเกษตรยังโต 13 เปอร์เซ็นต์ อ่อนบนแข็งล่าง ไม่เหมือนยุค พล.อ.ประยุทธ์ แข็งบนอ่อนล่าง จีดีพีภาคเกษตรต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เจริญเติบโตน้อยเหลือเกิน ไม่แปลกใจที่เกษตรกร แรงงาน ชนชั้นล่างรู้สึกวิกฤตมานานแล้ว ตัวเลขรวมของประเทศอาจไม่แย่แต่คนรวยกับคนจนอยู่บนโลกคนละใบเท่านั้นเอง

“จึงไม่แปลกใจ เดือน ม.ค.2563 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่ำลงในรอบ 68 เดือน คำว่า มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน อยู่ในวิสัยทัศน์ อยู่ในนโยบายของรัฐบาล ใครกันแน่ที่มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวว่า ถ้าคือกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ตัวเลขส่งออกของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ลดลง 7-8% ดัชนีอุตสาหกรรมเรือธง ยานยนต์ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ลดลง 10% เท่ากันหมด ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาบริหาร ข้าราชการก็ไม่มั่นคง ถ้านำหนี้ของครู ตำรวจ ทหารมารวมกัน จะมีมูลค่า 1.4 ล้านล้านบาท ครึ่งหนึ่งของงบประมาณประเทศไทย ความมั่นคงของชีวิตทหาร การหาประโยชน์เงินกู้ในสวัสดิการทหารทำให้พวกเขาไม่มั่นคง ทำให้เกิดโศกนาฏกรรม ที่ จ.นครราชสีมา

“ถ้าไม่ใช่อภิสิทธิ์ชน 1%ของประเทศนี้ก็คงไม่มีใครมั่นคง ที่มาถึงจุดนี้เป็นเพราะมาตรการบริหารเศรษฐกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ 2 เหมือนเอายาพาราไปให้คนเป็นมะเร็ง ไม่ว่าบัตรประชารัฐ ชิมช็อปใช้ พอที่จะบรรเทาความปวดไปเรื่อยๆ รอวันที่ตายจากกันไป ที่สำคัญยาพาราเม็ดนี้ไม่ถูก รวมกันมูลค่า 5 แสนล้าน”

นายพิธา กล่าวว่า คนที่มั่งคั่งมากขึ้นท่ามกลางคนหมู่มากที่ไม่มั่นคง สื่อต่างประเทศอย่างนิเคอิ ฟอร์บส์ เอเชียไทม์ ตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อนำความมั่งคั่งของ 5 ตระกูลเจ้าสัวไทย มารวมกันจะมีมูลค่า 2.3 ล้านล้านบาท เมื่อ 5 ปีที่แล้ว 1.33 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นมา 1 ล้านล้านบาท 30% ของงบประมาณประเทศไทย ในขณะที่คนอื่นไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ จริงหรือไม่ที่ พล.อ.ประยุทธ์เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนพวกพ้องหรือไม่

จริงหรือไม่ที่เอื้อให้กับกลุ่มซีพี พอโครงการอีอีซีเคาะตัวเลขออกมาว่ารถไฟฟ้าความเร็วสูง 3 สนามบินจะเจ๊งไม่คุ้มค่าการลงทุนของเอกชน ประโยชน์ทางเศรษฐกิจไม่ผ่านเกณฑ์ของสภาพัฒน์ฯ ก็พ่วงที่ดินมักกะสัน 400 ไร่เข้าไปในโครงการ และให้ภาษีเอกชนอีก 1.2 แสนล้านบาท เอกชนถึงจะคุ้ม จริงหรือไม่ หลังการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์รีบจัดการประมูลธุรกิจปลอดภาษีในสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง เป็นการประมูลให้ผู้ชนะเจ้าเดียวผูกขาดทั้งสนามบิน ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงสร้างความเสียหายในประเทศ และจริงหรือไม่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจเหล้าขาวที่ผูกขาด 90% ทั้งประเทศ ปรับภาษีสุราชุมชนให้แพงขึ้นเพื่อที่จะแข่งขันสุราของเจ้าสัวไม่ได้ ผ่าน พ.ร.บ.สรรพสารมิตร 2560

แล้วใครยั่งยืน แก่นของความยั่งยืนคือคุณภาพ ดุลภาพ และเสถียรภาพของการพัฒนา ทั้งสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ ความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ปัญหา pm2.5 มาจากนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้นตอมาจากการเผาอ้อย แต่การเผาอ้อยมากขึ้นมาจากนโยบายเกษตรประชารัฐของรัฐบาลชุดที่แล้วที่ต้องการเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าว ให้ปลูกอ้อย 6 ล้านไร่ทั่วประเทศ และจะมีโรงงานน้ำตาลอีก 29 โรงสู่ภาคอีสาน ตอนนี้ทำสำเร็จแล้ว 3 ล้านไร่ เมื่อเสร็จแล้วมลพิษจะเพิ่มขนาดไหน นอกจากนี้ การปลูกอ้อยยังใช้พาราควอทมากกว่าการปลูกข้าวถึง 5 เท่า สารเคมีจากไร่อ้อย มลพิษจากโรงงานน้ำตาลคุกคามนาข้าวหอมมะลิออแกนิกระดับโลกที่ จ.อำนาจเจริญ จ.ร้อยเอ็ด น่าสงสัยอย่างยิ่งว่าโครงการอ้อยประชารัฐใครได้ประโยชน์ทั้งที่ราคาอ้อยในรอบ 5 ปี ไม่ได้ดีไปกว่าราคาข้าว

นายพิธา กล่าวว่า ที่มายุทธศาสตร์อ้อยประชารัฐ พบว่า คณะกรรมการร่างยุทธศาสตร์อ้อย ได้รับการแต่งตั้งจากคำสั่ง คสช.116/2557 หนึ่งในอนุกรรมการร่างยุทธศาสตร์อ้อยเป็นหนึ่งในตัวแทนบริษัทน้ำตายรายใหญ่ระดับประเทศ และยุทธศาสตร์อ้อยประชารัฐได้รับการอนุมัติจากที่ประชุม กรอ. ครั้งที่ 1/2558 ซึ่งมีตัวแทนจากบริษัทน้ำตาลรายใหญ่ระดับประเทศเช่นเดียวกัน

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการประชารัฐด้านการเกษตร ซึ่งเหมือนจะเน้นเรื่องอ้อยเป็นพิเศษ คนที่เป็นประธานคือนายทุนของบริษัทน้ำตาล สำนักงานวิชาการสภาผู้แทนราษฎรไปตามรายงานการประชุมที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งได้รับการตอบกลับว่าไม่มีรายงานการประชุม เพราะอยู่ที่บริษัทเอกชนน้ำตาล จากนั้นไปขอข้อมูลจากบริษัทเอกชนน้ำตาล แต่ได้ตอบกลับมาว่าไม่สามารถให้ได้ จึงขอตั้งสังเกตถึงความรอบคอบของนโยบายนี้

ปัญหาเหมืองแร่ซึ่งมีผลกระทบต่อธรรมชาติ และสรรพสิ่งที่ถูกทำลายจากเหมืองแร่ทั่วประเทศ ปัญหาเพิ่มขึ้น 970 เหมืองทั่วประเทศจาก พ.ร.บ.เหมืองแร่ 2560 ซึ่งไม่คำนึ่งถึงความยั่งยืน เอื้อนายทุนทำเหมืองได้ง่ายขึ้น ที่ทำเหมืองต่ำกว่า 100 ไร่ ไม่ต้องทำการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน ในรอบ 5 ปี เรานำเข้าขยะพลาสติกเพิ่มขึ้น 850% จนประเทศไทยได้เป็นถังขยะของโลก เกิดขึ้นจากคำสั่ง คสช.4/2559 ที่ยกเว้นผังเมืองให้กับโรงงานขยะ มีข่าวตามสื่อว่าการนำเข้าขยะมีส่วนมาจากการทุจริตใบอนุญาตนพขยะหรือไม่

นอกจากไม่มีมติความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ยังไม่มีมิติความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ ในโลกใบใหม่ไม่ขยับเท่ากับตาย หัวหน้าทีมเศรษฐกิจต้องเข้าใจโครงสร้างเศรษฐกิจที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง อีคอมเมิร์สที่ขายออนไลน์ในไทยอยู่ตอนนี้ 90% และสินค้าจีนเข้ามาขายในไทย 50% เข้ามาทุ่มตลาด ยอมขาดทุนปีละ 3-4 พันล้าน เพื่อสร้างฐานลูกค้า สร้างมณฑลครอบหัวคนไทย ทับยี่ปั๊ว ซาปั๊วไทย ผ่านกลยุทธ์คูปองดั๊มตลาดเงินไปอยู่ในกระเป๋าเขา ถ้ารัฐบาลไม่เท่าทันก็ปล่อยปะละเลย ก็ตอกฝาโลงธุรกิจไทยไปได้เลย อีกหน่อยสินค้าจีนมาจากฉะเชิงเทรา เพราะรัฐบาลให้เขามาสร้างศูนย์กระจายสินค้าของเขา แต่ไม่ได้มีนวัตกรรมใหม่ๆ ให้ไทยเท่าไหร่ แต่มอบธุรกิจไทยไปอยู่ในมือของต่างชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อุตสาหกรรมโลกอนาคต รัฐบาลโฆษณาว่า อีอีซีจะยกระดับให้ประเทศเป็น 4.0 แต่ในบัตรส่งเสิรมของบีโอไอ พบว่า โครงการอีอีซี เป็นแค่โครงการอิสเทิร์นซีบอร์ดเฟส 2 เอื้อนายทุน อุตสาหกรรมแบบเดิมๆ เป็นโรงกลั่น ปิโตรเคมี รัฐวิสาหกิจของรัฐเสียส่วนใหญ่ 6 ปี ไม่มีอะไรใหม่เลย

“สรุปได้ว่าคน 99 เปอร์เซ็นต์ของคนในประเทศนี้ไม่มั่นคง 1% ในประเทศนี้เท่านั้นที่มั่งคั่ง และการพัฒนาไม่มีอะไรที่ยั่งยืน บริหารเศรษฐกิจผิดพลาด ล้มเหลว เสียหาย นโยบายเป็นของนายทุน โดยนายทุน เพื่อนายทุน รัฐบาลอยู่ต่อไม่ได้แม้แต่ 1 วัน ถ้าอยู่ต่อไป 1 วันก็สร้างความเสียหายเพิ่ม 1 วัน ถ้าอยู่ต่อไปนานสร้างความเสียหายของชาติมากขึ้นทวีคูณไม่มีที่สิ้นสุด จึงไม่สามารถไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ได้อีกต่อไปแม้แต่วันเดียว” นายพิธา กล่าว