“ประยุทธ์” ไม่เคยพูด คลายล็อก 1 พ.ค. หวั่นระบาดซ้ำ ลุ้นต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 28 เม.ย.

เมื่อเวลา 13.30 น. ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า สิ่งสำคัญที่สุดเราหารือมาตรการต่างๆ ที่จะรองรับวิกฤตโควิด-19 เป็นเรื่องหลัก ตนได้เน้นย้ำทุกกระทรวงให้ขับเคลื่อนทุกมิติทั้งงานในหน้าที่และงานที่ ศบค.ได้มีมติในการดำเนินการออกไปแล้ว ขอให้ทุกกระทรวงนำขับเคลื่อนด้วย ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ทั้ง 3 ฉบับเรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 พ.ศ.2563 จำนวนไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท มี 3 ส่วน การแก้สาธารณสุข การเยียวยา และการฟื้นฟู

ทั้ง 3 ส่วน มีการจัดตั้งคณะกรรมการคัดกรอง ซึ่งมีการหารือร่วมกันแล้วว่าจะมีระเบียบปฏิบัติในการใช้เงินอย่างไร ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ละเอียดรอบคอบ และจำเป็น คณะกรรมการกลั่นกรองฯ จะมีทั้งส่วนราชการและผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มเติม ซึ่ง ครม.ได้เห็นชอบระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว จากนี้ให้กระทรวงนำแผนงานต่างๆ เข้าเสนอใน ครม.ให้ครบถ้วนและทันต่อสถานการณ์ ทั้งมาตรการสาธารณสุข การเยียวยา รับฟังความคิดเห็นรอบด้านจากประชาชนทุกภาคส่วน และมอบหมายให้หน่วยงานราชการนำไปพิจารณาให้ถูกต้องและเหมาะสม

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนกฎหมายอีกอีก 2 ฉบับ คือ พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ. 2563 เป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลัง ร่วมกันจัดตั้งกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ 4 แสนล้านบาท และ พ.ร.ก.ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 ธปท.มีอำนาจในการให้กู้เงินแก้สถาบันการเงิน วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท ได้สั่งให้กระทรวงการคลังหารือกับ ธปท.ดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบ รับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน รวมทั้งจากผู้มีประสบการณ์ความรู้มาประกอบการดำเนินการด้วย

หวั่นปลดล็อกเร็ว จะล้มเหลวทั้งหมด

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สถานการณ์วิกฤตโควิดหลายอย่างดีขึ้น สถิติผู้ติดเชื้อลดลงตามลำดับหลายวัน ยังต้องดูต่อไปเพื่อจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป แต่อย่าเพิ่งผลีผลาม หลายท่านเรียกร้องให้ปลดนู่นปลดนี้ในเวลานี้ เราต้องระวังอย่างที่สุด ต้องฟังข้อมูลด้านสาธารณสุขและทางการแพทย์ และมาตรการอื่นรองรับได้เพียงพอแล้วหรือไม่ ไม่ต้องการให้การตัดสินใจมาจากแรงกดดันหลายๆ อย่าง อยากให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ถ้าเริ่มอะไรไปหรือปลดอะไรเร็วเกินไป สิ่งที่ตามมาหากมีการแพร่ระบาดเกิดขึ้น ที่เราทำมาทั้งหมดในระยะเวลานานพอสมควรล้มเหลวทั้งหมดจะทำอย่างไร ผมให้ดูเป็นพิเศษ

แจงเหตุ ส่ง จม.เปิดผนึกถึงเจ้าสัว

ส่วนการส่งจดหมายเปิดเผนึกถึงนักธุรกิจที่รวยที่สุดในประเทศ 20 คนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นการทำงาน เพื่อรับทราบว่ามีการดำเนินการอย่างไรช่วยเหลือบุคลากรในองค์กรของท่านบ้าง ทั้งเจ้าหน้าที่ พนักงาน ลูกจ้าง ซัพพลายเออร์ ทั้งนี้ เพื่อจะช่วยเสริมกับมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลออกไปแล้ว และให้เกิดพื้นที่กว้างขวางขึ้นในการช่วยเหลือประชาชน ไม่ได้หมายความว่าจะไปยืมเงินของเขา รัฐบาลก็มีเงินของรัฐบาลอยู่แล้ว ขอขอบคุณทั้ง 20 ท่าน และเป็นการส่งจดหมายโดยเปิดเผย

“ในห่วงโซ่ของท่านมีคนอยู่เป็นจำนวนมากรวมถึงประชาชน ทราบว่าดำเนินการเรื่องนี้อยู่แล้ว ทั้งนี้ เพื่อให้สอดประสานกันในการทำงาน ไม่ใช่การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ขอขอบคุณเป็นการล่วงหน้าทุกอย่าง และขอบคุณทุกคน ภาคเอกชนที่ช่วยเหลือดูแล ขอให้ดูแลในองค์กร ในห่วงโซ่ ผู้ผลิต ซัพพลายเออร์ ไปถึงผู้บริโภคด้วย ทำอย่างไรประชาชนจะมีความสุข มีชีวิตอยู่ได้ในเวลานี้โดยเดือดร้อนน้อยที่สุด ดังนั้น เพียงแต่ขอความร่วมมือจากท่าน แค่อยากจะทราบว่าท่านจะทำอะไรได้มากกว่านี้อีกไหม ไม่ใช่เรื่องการแข่งขันหรือบังคับ ไม่ต้องการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ผมต้องการระดมความคิดเห็น ระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน นอกจาก 20 ท่าน ก็ยินดีรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วน ก็ทำเรื่องมาได้ และทั้ง 20 ท่าน คงไม่ได้ไปพบด้วยตัวเอง เห็นมีรายชื่อประกาศออกมาแล้วและ ในเอกสารเปิดผนึกก็เห็นอยู่แล้ว ว่าไม่ขอรับเงินบริจาคใดๆ ทั้งสิ้น อย่าไปบิดเบือนก็แล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ลุ้นต่ออายุ พ.ร.ก.อังคารหน้า

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนการพิจารณาต่ออายุการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จะพิจารณาอีกครั้งในอังคารหน้า (28 เม.ย.) ว่าจะดำเนินการต่อไปหรือไม่ แต่ขึ้นอยู่กับความร่วมมือ สถิติต่างๆ ในด้านสาธารณสุขจะเป็นเครื่องชี้วัด ส่วนการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ วันนี้ให้ดูและเรื่องการใช้ดุลพินิจที่เกี่ยวกับขนส่งสินค้าของภาคประชาชน เพราะมีเรื่องรองเรียนมาว่าบางครั้งไม่สามารถดำเนินการได้ ดังนั้น จึงสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย กับหน่วยงานความมั่นคงช่วยดูแล ซึ่งจริงๆ แล้วมีข้อผ่อนปรนอยู่แล้ว แต่อาจไม่ทั่วถึง หรือไม่เข้าใจกัน จึงให้หน่วยงานในพื้นที่ได้พิจารณา

ไม่เคยพูด ผ่อนปรน 1 พ.ค.

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนการละเมิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินยังมากอยู่ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ตัวเลขต่างๆ ที่ลดลงไปแล้ว ทั้งผู้ติดเชื้อ ผู้รักษาหายมากขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลง เกิดจากพวกเราทุกคนร่วมมือกัน ไม่ใช่รัฐอย่างเดียว ถ้าร่วมมือกันมากจะลดจำนวนผู้ติดเชื้อมาก

“เรื่องการผ่อนปรนจะมากขึ้นในอนาคต ผมไม่เคยพูดวันที่ 1 พ.ค. ไม่เคยพูด เพราะต้องดูสถิติต่างๆ ให้รอบคอบ การผ่อนปรนใดๆ ก็ตาม ผู้ประกอบการต้องเสนอมาตรการของตนเองขึ้นมาให้รัฐบาลทราบว่า ได้เตรียมการอะไรบ้าง เช่น เตรียมการเรื่องสถานที่ เจ้าหน้าที่จะต้องปลอดภัย ตรวจเชื้อให้รัดกุม มีระยะห่าง มีการกำหนดจำนวนคน กันพื้นที่ ต้องเปิดให้เป็นบางส่วน ต้องทยอยเปิดได้เป็นบางส่วนในระยะต่อไป แต่ยังไม่บอกว่าเมื่อไหร่ ถ้าพิจารณาแล้วไม่เหมาะสมก็ไม่เปิด ทราบดีว่าทุกคนเดือดร้อน แต่ที่มากกว่านั้นคือสุขภาพ ถ้าเราทำอะไรเร็วเกินไปมีแรงกดดันสูง โดยที่ไม่ใช่สาระสำคัญมากๆ นัก แต่ระดมให้ประชาชนวิตกกังวล สิ่งที่เราทำสูญเสียเป็นศูนย์ทันที เรียกกลับมาไม่ได้ นายกฯ ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนเกิดขึ้นจึงจะมีมาตรการออกมาได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ประชาชนต้องพอเพียง

นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลมีวัตถุประสงค์ทำอย่างไรที่จะดูแลประชาชนให้ผ่านพ้นวิกฤตให้ได้ สิ่งสำคัญที่สุดประชาชนต้องดำรงชีวิตอย่างพอเพียงในช่วงนี้ หลายมาตรการได้มีการผ่อนคลาย มีการยืดรระยะเวลาชำระหนี้ กู้เงิน แทบจะครอบคลุมอยู่แล้ว ไม่อยากให้ดูด้านเงินเยียวยาอย่างเดียว หลายกระทรวงหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้งบประมาณปกติอยู่แล้ว อย่ามองว่าแค่นี้น้อยเกินไปหรือเปล่า ต้องเห็นใจว่าเรามีเงินเท่าไหร่ กู้เงินได้เท่าไหร่ ใช้เท่าไหร่ ภาระวันข้างหน้าจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องคิดอย่างรอบคอบ

นายกฯ ฟังทุกภาคส่วน เรื่องค่าไฟแพง


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการลดค่าไฟ ได้ฟังทุกส่วนงาน กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการกำกับดูแลพลังงาน มีมาตรการเสนอลดค่าไฟให้ประชาชนโดยทั่วไป แต่ต้องเห็นใจด้วยเป็นเรื่องงบประมาณที่ 3 หน่วยงานใช้ในการบริหารต่อไปในอนาคต เพราะเป็นเรื่องสำคัญ ขอให้เห็นใจด้วย รัฐบาลพยายามดูแลอย่างเต็มที่แล้ว การพูดจาบิดเบือนไม่เกิดประโยชน์ ให้ร้ายซึ่งกันและกันบางครั้งทำให้เกิดปัญหาในการทำงาน ให้การทำงานช้าขึ้น ยากขึ้น กระทบโดยรวมทั้งสิ้น