พลังประชารัฐ: “สิระ” ถามหัวหน้า-เลขาธิการพรรค จะออกเองหรือให้ไล่

พรรคพลังประชารัฐ:

ที่ประชุมพลังประชารัฐ “สิระ เจนจาคะ” ถามถึง “อุตตม-สนธิรัตน์” รักษาการหัวหน้าและเลขาธิการพรรค ซึ่งไม่เข้าร่วมประชุมว่าจะลาออกเองหรือให้ขับไล่

การประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 เป็นครั้งแรกภายหลังนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรักษาการรองหัวหน้าพรรค ยื่นรายนาม 18 กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ลาออกจากคณะ กก.บห. เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2563 ทำให้มีผลให้คณะ กก.บห.ต้องพ้นทั้งคณะ และต้องจัดประชุมใหญ่ของพรรคภายใน 45 วัน หรือไม่เกินวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และคณะ กก.บห.ชุดใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุม ส.ส.พรรคในครั้งนี้ นายอุตตม สาวนายน รักษาการหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รักษาการเลขาธิการพรรค และนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รักษารองหัวหน้าพรรค ไม่เข้าร่วมประชุม ทำให้นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. ลุกขึ้นขอหารือในที่ประชุม ส.ส.พรรค โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น ประธาน ส.ส.พรรค นายอนุชา นาคาศัย รองประธานยุทธศาสตร์พรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล และนายไพบูลย์ นั่งฟังนายสิระลุกขึ้นพูด

นายสิระกล่าวว่า นายอุตตมและนายสนธิรัตน์ ไม่เข้าร่วมประชุม ส.ส.ถึง 3-4 ครั้ง เป็นการไม่ให้เกียรติพรรค สมควรดำรงตำแหน่งนี้หรือไม่ และอยากถามว่าท่านจะลาออกเองหรือให้ขับไล่หรือไม่ เพราะไม่สามารถนำปัญหาของประชาชนมาหารือต่อหัวหน้าและเลขาธิการพรรคได้ จึงอยากฝากเรียนถึงท่านประธานในที่ประชุม หากเจอกับนายอุตตมและนายสนธิรัตน์ ให้ตามมาประชุมพรรคและสอบถามว่าทำไมถึงไม่ให้ความสำคัญกับการประชุมพรรค หรือจะให้ประกาศตามหาคนหาย และหากท่านไม่ให้ความร่วมมือก็ควรออกไปเลยดีกว่า

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.

ด้านนายไพบูลย์ กล่าวว่า นายอุตตมและนายสนธิรัตน์พ้นตำแหน่งไปแล้ว โดยทำหน้าที่รักษาการเท่านั้น ซึ่งเห็นใจ ส.ส. ที่ไม่สามารถได้เจอกับทั้ง 2 ท่านได้ แต่ที่ผ่านมาไม่ได้เรียกประชุม กก.บห.จึงไม่สามารถนำเรื่องไปแจ้งกับทั้ง 2 ท่านได้ ซึ่งถือเป็นปัญหาของพรรคและเป็นที่มาของการปรับเปลี่ยน กก.บห.และคืนอำนาจให้สมาชิกพรรคเลือก กก.บห.ชุดใหม่

ที่ประชุม พรรคพลังประชารัฐ

“มั่นใจและเชื่อว่านายอุตตมจะเรียกประชุมคณะกก.บห.รักษาการเพื่อนัดวันประชุมใหญ่พรรคในเร็วๆ นี้ โดยไม่ควรเกินวันที่ 19-21 มิ.ย.นี้ เนื่องจากเป็นวันเสาร์-วันอาทิตย์ ไม่มีภารกิจของรัฐมนตรี แต่ถ้ายังไม่ชัดเจนก็คงต้องใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) พรรคการเมืองไปยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้เปิดประชุมใหญ่ต่อไป”