ไพบูลย์ นิติตะวัน : ตัวเปิดเกมจุดตาย 4 กุมาร “บิ๊กป้อม” ยึดพรรค

ไพบูลย์ นิติตะวัน
สัมภาษณ์พิเศษ

บนความเคลื่อนไหวของ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ถูกสลักชื่อในประวัติศาสตร์ของฝ่ายผู้ชนะ

2557 เขายื่นศาลรัฐธรรมนูญสอย “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” พ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี กรณีโยกย้าย “ถวิล เปลี่ยนศรี”

หลังรัฐประหาร เขาอยู่ในแม่น้ำ 5 สาย เป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ-สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)

เขาคือคนแรกที่ประกาศหนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี กลางสภา

เป็นคนล้มแผนแตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อยของ “ทักษิณ ชินวัตร” ยื่นยุบพรรคไทยรักษาชาติ

เขายุบพรรคประชาชนปฏิรูปที่ตัวเองสร้างมา ย้ายมาอยู่พรรคพลังประชารัฐ พร้อมกับเลื่อนขั้นเป็นรองหัวหน้าพรรค

1 มิถุนายน 2563 เขาคือ ตัวเปิดเกม-เปิดชื่อใบลาออก 18 กรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคพลังประชารัฐ นำไปสู่การรื้อ-ล้างแผงอำนาจนำภายในพรรค ที่มี 4 กุมาร+สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นหัวจักร

“ประชาชาติธุรกิจ” สนทนากับ “ไพบูลย์” ล้วง-ลับ-พรรคแตก เขายักไหล่พร้อมกับพูดว่า ภารกิจเพื่อ “สองลุง” เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน เป็น “งานเบาที่สุด”

Q : ทำไมเลือกวิธีการแตกหัก-ไม่ประนีประนอม

ก่อนวันแถลงข่าวลาออกของ 18 กก.บห.ในวันที่ 1 มิ.ย. 63 พรรคปั่นป่วน มีการแสดงความคิดเห็นในวันที่ 30 พ.ค. 63 ถ้าไม่มีการปรับเปลี่ยน พรรคจะมีปัญหา ปั่นป่วน วุ่นวาย เป็นชนวนทำให้เกิดความเสียหาย ความขัดแย้งมากขึ้นกว่านี้ แตกแยกเป็น 2 ขั้ว จนหยุดไม่ได้ จึงต้องคืนอำนาจให้สมาชิกพรรค

การบริหารของหัวหน้าและเลขาธิการพรรคที่ผ่านมาให้เวลากับ ส.ส.ของพรรคน้อยมาก เป็นที่ไม่พอใจ จนกระทั่ง กก.บห.หาวิธีทำอย่างไรให้แก้ปัญหาได้ตามข้อบังคับพรรค ข้อที่ 15 มี 3 แนวทาง

แนวทางที่ 1 ครบวาระ ซึ่งยังไม่ครบวาระ แนวทางที่ 2 หัวหน้าพรรคลาออก

หัวหน้าพรรคไม่ลาออก แนวทางที่ 3.กก.บห.ลาออกเกินกึ่งหนึ่ง มี กก.บห. 26 คน จาก 34 คน ที่ต้องการเปลี่ยน ผู้บริหารพรรค เป็นตัวแทนกลุ่มต่าง ๆ ในพรรค ซึ่ง กก.บห. 18 คนที่ลาออกถือเป็นผู้เสียสละ

Q : เหตุผลเปลี่ยนหัวหน้า-เลขาฯเพราะไม่ค่อยมาประชุมพรรคฟังขึ้นหรือไม่

ฟังขึ้นอยู่แล้ว มีข้อครหาว่า ผู้บริหารพรรคถ้าไม่ทำงานกับพรรคก็ไม่เหมาะที่จะเป็นหัวหน้าและเลขาธิการพรรค แต่ที่ยังเป็นอยู่เพราะต้องการไปเป็นรัฐมนตรี เอาตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ไม่ทำงานผู้บริหารพรรค

ถ้าทำได้ดีอยู่อย่างเดียว (ตำแหน่งรัฐมนตรี) ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ถ้าเลือกทั้ง 2 อย่าง ทำให้คนอื่นอึดอัดและลาออกเพื่อให้เลือก กก.บห.ชุดใหม่

Q : เกมเปลี่ยนหัวหน้า-เลขาฯพรรค เพื่อรุกไปสู่การเป็นรัฐมนตรี

คนที่เป็นรัฐมนตรีในโควตาพรรคพลังประชารัฐ 10 กว่าคน (โควตา 18 คน) ไม่ได้เป็นหัวหน้า-เลขาธิการพรรค เป็นเรื่องของความเหมาะสม การเปลี่ยนหัวหน้า-เลขาธิการพรรค เพื่อให้พรรคเข้มแข็ง มีเอกภาพ มีความมั่นคง

Q : อะไรการันตีว่าเปลี่ยน กก.บห.แล้วพรรคจะเข้มแข็ง เป็นเอกภาพ

รอดูก็แล้วกัน ก่อนวันที่ 1 มิ.ย. 63 (แถลงข่าว 18 กก.บห.ลาออก) พรรคปั่นป่วน วันนี้มีความชัดเจนและจะมีการเลือก กก.บห.ชุดใหม่ ในวันที่ 3 ก.ค. 63 สถานการณ์เรียบร้อยทันที โดยเฉพาะถ้า พล.อ.ประวิตร ท่านยอมฟังเสียงของ ส.ส.ทั้งพรรค ขอร้องให้มาเป็นหัวหน้าพรรค ตอนนี้ท่านอยู่สูงกว่าการเป็นหัวหน้าพรรค แต่ถ้าท่านยอมลงมาตามเสียงขอร้อง เชื่อว่าพรรคประสบความสำเร็จแน่

พรรคจะมีจุดเด่น มีบุคลากรที่เป็นเสาหลักของพรรคอยู่แล้ว ทำให้จุดเด่นนั้นเป็นรูปธรรมจริง ๆ เราจะเป็นพรรคที่แข็งแรงกว่าทุกพรรค ไม่ว่าเพื่อไทย หรือประชาธิปัตย์

Q : ชูชื่อ พล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรคด้วยตัวเอง

ผมเป็น 1 ใน 118 ส.ส.ของพรรค ที่เห็นว่าควรขอร้องให้ พล.อ.ประวิตรลงมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อให้เกิดประโยชน์และความเข้มแข็งของพรรค ช่วยเหลือ พล.อ.ประยุทธ์ได้ดีกว่าเก่า ชนะเลือกตั้งครั้งหน้าได้ ส.ส.เป็นอันดับ 1

รอดู เมื่อกำหนดวันประชุมใหญ่เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคแล้ว ส.ส.พรรคจำนวนมากจะไปขอร้อง พล.อ.ประวิตร ให้ลงมาเป็นหัวหน้าพรรค รอดูว่า ท่านจะตัดสินใจอย่างไร

Q : พล.อ.ประวิตร บอกว่าไม่พร้อมเป็นหัวหน้าพรรค

ท่านให้สัมภาษณ์หลายครั้ง ยังไม่ถึงเวลา เพราะ step แรก คือ ประชุม กก.บห.ชุดรักษาการในวันที่ 19 มิ.ย. 63 เพื่อกำหนดวันประชุมใหญ่ของพรรค

step ที่สอง สัปดาห์ถัดไปจะมีการเคลื่อนไหวของผู้ที่ควรจะได้รับการเสนอชื่อเป็นหัวหน้าพรรค จะมี ส.ส.จำนวนมากไปขอร้องท่าน (พล.อ.ประวิตร) ให้ลงมาเป็นหัวหน้าพรรค

ส่วน กก.บห.พรรคตำแหน่งอื่น ๆ เช่น เลขาธิการพรรค รองหัวหน้าพรรค กก.บห. คงจะได้คุยกันในสัปดาห์ถัด ๆ ไป ยังมีเวลา จะเริ่มมีการพูดคุยกัน และก่อนถึงวันประชุมใหญ่คงชัดเจน

รู้ว่าจะเสนอชื่อท่านใดเป็นหัวหน้าพรรค ท่านใดเป็นเลขาธิการพรรค และ กก.บห.พรรคกี่คน ใครบ้าง ส่วนจะมีชื่ออื่นมาแข่งขันหรือไม่ มีใครบ้าง แข่งขันกันอย่างไร ก็ต้องไปดูในสัปดาห์ก่อนที่จะมีการประชุมใหญ่

Q : จะยก ส.ส.พรรคไปขอ พล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรคที่ทำเนียบรัฐบาล

ไม่ทราบรายละเอียด ให้เป็นเรื่องของ ส.ส.พรรค ซึ่งมีอยู่จำนวนมากที่จะดำเนินการ ส่วนผมจะไปดำเนินการเกี่ยวกับการประชุม

Q : ก่อนถึงวันประชุมใหญ่จะตกผลึกแล้วว่าหัวหน้า-เลขาฯ กก.บห.จะเป็นใคร

ไม่ทราบ แต่ทราบว่า ถ้า พล.อ.ประวิตรยอมรับ ยอมลงมาตามคำขอร้องของ ส.ส.ทั้งพรรค ก็เชื่อว่าจะมีชื่อท่านอยู่ ไม่มีใครกล้าไปแข่ง (หัวเราะ)

Q : พล.อ.ประวิตร มาเป็นหัวหน้าแล้วพรรคจะไม่มีแรงกระเพื่อม

ท่านเป็นศูนย์รวมของความรัก เคารพของ ส.ส.ทั้งพรรค เป็นผู้ใหญ่ที่เอาใจใส่ ดูทุกข์ สุขของ ส.ส. สนับสนุน แก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างกลุ่ม และช่วยประคับประคองพรรคได้ดี เป็นเสาหลักพรรคและศูนย์รวมความเชื่อถือ

Q : ถนนทุกสายในพรรคจะมุ่งไปที่ พล.อ.ประวิตร คนเดียว

ก็ไปหาท่านอยู่แล้ว (หัวเราะ) คราวนี้ต้องมาหาในฐานะหัวหน้าพรรค เป็นตำแหน่งทางการมากกว่าเก่า

Q : จะไม่มีกลุ่ม-ก๊วนในพรรค

มี แต่ไม่เป็นทางการ ถ้าไม่มีเลยสิ เป็นพรรคเผด็จการ

Q : พล.อ.ประวิตร ประสานประโยชน์ให้กับทุกกลุ่มในพรรคทั่วถึง

เป็นศูนย์รวมจิตใจ เป็นเสาหลัก เป็นผู้ได้รับความน่าเชื่อถือ ได้รับความยอมรับ

Q : จะไม่มีกลุ่มต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีที่มีอย่างจำกัด

เป็นวิถีทางของนักการเมืองอยู่แล้ว เป็นรัฐมนตรีก็อยากเป็นรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่ขึ้น แต่ถ้ามีการบริหารจัดการไม่ให้เลยเถิดไป ก็อยู่กันไปได้ ไม่มีปัญหา ผมมั่นใจว่า ถ้า พล.อ.ประวิตรมาเป็นหัวหน้าพรรคจะดีแน่ ผมมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์

Q : จะนำไปสู่การปรับ ครม.

รัฐบาลทำงานมาปีกว่า อาจต้องมีการปรับปรุง ครม.อยู่แล้ว แต่เมื่อมีการเปลี่ยน กก.บห.พรรค จะทำให้ปรับมากขึ้นหรือน้อยลงกว่าเดิม เป็นดุลพินิจของ พล.อ.ประยุทธ์

Q : ปรับ ครม.แล้วไม่ถูกใจจะไม่มีใครในพรรคมาขย่ม

ถ้า พล.อ.ประวิตรรับมาเป็นหัวหน้าพรรค ท่านเอาอยู่ จัดการได้ จบที่ลุงป้อม (หัวเราะ)

Q : แต่พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศว่าการปรับ ครม.เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว

ปรับ ครม.แล้วไม่ถูกใจเป็นเรื่องในพรรค จบที่ลุงป้อม ส่วนใครจะได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงไหน จบที่ลุงตู่

Q : ประเมินนักการเมืองต่ำเกินไป อาจคอนโทรลไม่อยู่

ไม่ใช่คอนโทรล แต่ต้องมีศาสตร์และศิลป์ที่จะทำให้ทุกคนทำงานร่วมกันได้

Q : ทำไมหัวหน้า-เลขาฯพรรคคนปัจจุบันเอาไม่อยู่

หลายครั้งท่านเป็นคู่ขัดแย้งเสียเองกับ กก.บห.คนอื่น แต่ พล.อ.ประวิตรไม่ใช่คู่ขัดแย้ง ท่านอยู่สูงจนไม่อาจไปขัดแย้งกับใครได้ คนจะอยู่ได้หรือไม่ได้อยู่ที่การได้รับความเป็นธรรม คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ถ้า พล.อ.ประวิตรยอมรับเป็นหัวหน้าพรรคนะ ปัญหาคับใจอยู่ยากจะไม่มี

Q : การเอากลุ่ม 4 กุมารออกจากหัวหน้า-เลขาฯพอแล้ว หรือต้องเอาออกจาก ครม.ด้วย

การปรับ ครม.เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี

Q : หลังประชุมใหญ่พรรคยังมีที่ยืนในพรรคให้ 4 กุมารหรือไม่

ก็เป็นสมาชิกพรรค แต่เป็นหัวหน้า-เลขาธิการพรรคคงไม่ได้แล้ว เป็น กก.บห.ก็คงไม่ได้ด้วย ซึ่งเป็นวิถีทางการเมือง ตามโลกธรรม 8 มีเหตุและปัจจัย การอ้างว่าก่อตั้งพรรคแล้วต้องอยู่ในตำแหน่งถาวร ไม่มีที่ไหนท

รัฐมนตรีโควตาของพรรคมีทั้งที่เป็นหัวหน้าและเลขาธิการพรรค เป็น กก.บห.และเป็นสมาชิกพรรค แม้กระทั่งไม่เป็นสมาชิกพรรค อย่าง รมว.ต่างประเทศ รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย รองนายกฯสมคิด (จาตุศรีพิทักษ์) สุดท้ายก็อยู่ที่ท่าน (4 กุมาร) เอง ว่าจะเลือกวิถีทางไหน ส่วน ส.ส.กับสมาชิกพรรคส่วนใหญ่คงไม่ให้กลับมาเป็นผู้บริหารพรรคอีก

Q : แผนสำรอง-ชื่อในใจหาก พล.อ.ประวิตร ไม่พร้อมเป็นหัวหน้าพรรค

อันนั้นพรรคไม่ได้ประโยชน์ ขณะนี้ในพรรคไม่มีใครสามารถเป็นหัวหน้าได้เลย ในยุคที่ต้องฟื้นฟูให้โตขึ้น เป็นเอกภาพขึ้น มั่นคง-แข็งแรงขึ้น เป็นพรรคอันดับ 1 วันนี้เป็นไฟต์บังคับ ถ้าท่านไม่เป็น พรรคแตก และจะกระทบกับ พล.อ.ประยุทธ์

ผมค่อนข้างเชื่อว่า พล.อ.ประวิตรจะเอาประโยชน์ของพรรคเป็นตัวตั้ง ถ้าทำอะไรแล้วพรรคได้ประโยชน์ ท่านทำ ท่านมาเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี และให้การทำงานของรัฐบาลราบรื่น มั่นคง

ถ้าท่านมาเป็นหัวหน้าพรรคจะทำให้การทำงานของ ส.ส.พรรคกับรัฐบาลจะไร้รอยต่อ สนับสนุนกันอย่างมั่นใจมั่นคงมาก จะเป็นที่อิจฉาของพรรคการเมืองใหญ่ ๆ ทั้งหลายที่ไม่มีอะไรดี ๆ อย่างพรรคพลังประชารัฐ