
ความขัดแย้ง-สลับเก้าอี้รัฐมนตรีภายในพรรคพลังประชารัฐ นำไปสู่การลาออกของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ 3 อดีตรัฐมนตรี กลุ่ม 4 กุมาร เปิดทางให้เกิดการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ 2/2
การลาออกจากรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของ “เทวัญ ลิปตพัลลภ” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา ตอกย้ำความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ-ความไม่ลงตัวในตำแหน่งรัฐมนตรีที่มีจำกัด-จำเขี่ย
ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลขนาดกลางประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย พรรคละ 7 เก้าอี้ “ไม่ขยับ” หลังจาก “พล.อ.ประยุทธ์” ประกาศว่า “ไม่แตะต้อง-ไม่ริบคืน” โควตารัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจากไม่มีต่อรอง-ขอเพิ่ม สยบแรงกระเพื่อม
แม้พรรคภูมิใจไทยจะได้เสียง ส.ส.เพิ่ม จาก 51 เสียง เป็น 61 เสียง แต่เป็น 10 เสียง งูเห่าสีส้ม-อดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้มาด้วยฝีมือ ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ แม้เสียง ส.ส. คงที่ 52 เสียง แต่ทำงานหนัก-ผลงานเข้าตา “พล.อ.ประยุทธ์”
ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา 12 เสียง ยืนพื้น 1 เก้าอี้ ว่าการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 1 เก้าอี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พรรครวมพลังประชาชาติไทย 5 เสียงของ “ลุงกำนันสุเทพ” ไฟต์บังคับ “ต้องปรับ” ภายหลัง “ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล” ลาออกจากหัวหน้าและสมาชิกพรรค โดยเสนอชื่อ “เอนก เหล่าธรรมทัศน์” เสียบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานแทน
อย่างไรก็ตาม มีความพยายามของพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องการ “เทรด” เอาเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม แลกกับเก้าอี้ จับกัง 1 ให้กับ “สุชาติ ชมกลิ่น” ทหารเอกของ พล.อ.ประวิตร
ขณะที่ “พรรค 5 เสียง” พลังท้องถิ่นไทของ “ชัช เตาปูน” และ 5 เสียงของพรรคเศรษฐกิจใหม่ เทียบเท่า “พรรคสุเทพ” ยังต้อง “รอลุ้น” จะมีตำแหน่งแห่งหนใน ครม.ประยุทธ์ 2/2 หรือไม่ อย่างน้อยก็ตำแหน่งข้าราชการการเมือง
ส่วน 11 พรรคจิ๋ว อาทิ ประชาภิวัฒน์ พลังไทยรักไทย ครูไทยเพื่อประชาชน พลเมืองไทย ประชาธิปไตยใหม่ พลังธรรมใหม่ ไทยศรีวิไลย์ ประชาธรรมไทย ไทรักธรรม กับรักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 เสียง ยังต้องร้องเพลงรอต่อไป
ทว่า อำนาจป่วนอ่อนแรง หลังเหลือ “พรรคจิ๋ว” 9 เสียง หลังพรรคประชานิยมและพรรคพลังชาติไทย “เลิกกิจการ” เติมเสียงพรรคพลังประชารัฐ จาก 118 เสียง เป็น 120 เสียง พึ่งใบบุญ “พี่ใหญ่-บิ๊กบราเธอร์”
การปรับ ครม.ประยุทธ์ 2/2 ในสัดส่วนพรรคร่วมรัฐบาลขนาดกลาง-เล็ก จึงยังยึดกติกา-ธรรมเนียมเดิม เหมือนครั้งฟอร์มรัฐบาล-ครม.ประยุทธ์ 2/1เป็นการเขย่า-สับเปลี่ยนภายในพลังประชารัฐ และ “โควตากลาง” ของ พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้น
“ไพบูลย์ นิติตะวัน” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เคยให้สัมภาษณ์ว่าโควตารัฐมนตรีของพรรคมีทั้งหมด 18 ตำแหน่ง แต่ขณะนี้มีคนในพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐมนตรีเพียง 10 กว่าคนเท่านั้น
ดังนั้น หลังจาก 3 อดีตรัฐมนตรีกลุ่ม 4 กุมารลาออก โควตา 3 เก้าอี้รัฐมนตรี ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาฯ จึงต้องคืนกลับมาเป็นโควตาของพรรค
“โดยเฉพาะกระทรวงพลังงาน หากนำคนนอกเข้ามาอาจเกิดปัญหาในอนาคตทั้งแรงกระเพื่อมภายในพรรคและภายนอกพรรค ยิ่งมีชื่อของนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีต รมช.คมนาคม ยุครัฐบาลคสช. อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด ยิ่งถูกมองว่า มีผลประโยชน์ทับซ้อน และเสี่ยงที่จะถูกฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ จนกระทบไปถึงนายกรัฐมนตรี”
แหล่งข่าวระดับสูงทำเนียบรัฐบาลที่เป็นตัวเชื่อมกับพรรคพลังประชารัฐเปิดเผยว่า สำหรับรายชื่อรัฐมนตรีสัดส่วนโควตาพรรคพลังประชารัฐที่อยู่ “ที่เดิม”ได้แก่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รองนายกรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองหัวหน้าพรรค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองหัวหน้าพรรค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคและผู้อำนวยการพรรค รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายธรรมนัส พรหมเผ่า รองหัวหน้าพรรค รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
รัฐมนตรี “อัพไซซ์” เก้าอี้รัฐมนตรี ได้แก่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ไปรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
รัฐมนตรีป้ายแดง-ก๊กบิ๊กป้อม นายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรค ไปรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ไปรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แทน เทวัญ ลิปตพัลลภ จากชาติพัฒนา ที่ประกาศลาออกไปเมื่อ 20 กรกฎาคม
นายสุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้าพรรค ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) แทนทหารเอกค่าย 4 กุมาร “สุวิทย์ เมษินทรีย์” รมว.อว. คนเก่าที่ลาตำแหน่งไป แต่ก็เป็นงานที่ “ไม่ถนัด” ของ “เสี่ยเฮ้ง”แห่งชลบุรี
กลุ่มการเมืองใน พปชร. ในสาย “บิ๊กป้อม” กำลังจับพี่ใหญ่เป็นตัวประกัน ขอขึ้นเก้าอี้รัฐมนตรีป้ายแดง-กลุ่มสามมิตรอัพไซซ์เก้าอี้เสนาบดี