ลูกสาว ฝาแฝด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ชี้แจงครั้งแรก 10 ประเด็น และจะดำเนินคดีกับผู้แชร์ข้อมูลเท็จ ให้ถึงที่สุด
เพื่อเป็นตัวอย่างไม่ให้เกิดขึ้นอีก หลังส่งทนายแจ้งความเอาผิด ผู้เผยแพร่ข้อมูลเท็จผ่านโลกโซเชียล กว่าร้อยบัญชีผู้ใช้งาน จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง พร้อมเปิด 10 คำชี้แจงที่เป็นกระแสในโลกออนไลน์ ส่วนจะดำเนินคดีหรือไม่ พล.ต.ต. สำเริง ระบุขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน
- เปิด 10 อันดับที่ดินต่างจังหวัด แพงสุดในประเทศไทย
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
- กรมอุตุฯเตือน รับมือฝนตกหนักอีกรอบ 17-19 พ.ค.นี้ หนักสุดถึง 70% ของพื้นที่
วันที่ 2 กันยายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส. ธัญญา และ น.ส. นิฎฐา จันทร์โอชา บุตรสาวฝาแฝด ของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบอำนาจ ให้ นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะทนายความประจำสำนักกฎหมาย อ.อัมพร ณ ตะกั่วทุ่ง และเพื่อน เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน. นางเลิ้ง โดยมี พล.ต.ต. สำเริง สวนทอง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) ร่วมสอบปากคำ
นายอภิวัฒน์ กล่าวว่า ได้รับมอบอำนาจจากบุตรสาวฝาแฝด ของ พล.อ. ประยุทธ์ ให้ดำเนินคดีกับบุคคล นิติบุคคลและสื่อออนไลน์ต่างๆ โดยเฉพาะทวิตเตอร์ กว่าหลักร้อยบัญชี ที่ลงข้อมูลเท็จ ซึ่งมีคนหลงเชื่อโดยไม่ไตร่ตรอง นำไปแชร์ต่อและแสดงความคิดเห็นกันอย่างมาก ถือเป็นการหมิ่นประมาทบุคคลที่สาม เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายอาญาและ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ จึงต้องการให้ตำรวจตรวจสอบว่ามีใครที่ทำผิดบ้าง
“โดยบุตรสาวฝาแฝดของ พล.อ. ประยุทธ์ ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่มีการยอมความ เพื่อเป็นตัวอย่างไม่ให้เกิดขึ้นอีก รวมถึงกรณีที่มีนักการเมืองนำข้อมูลดังกล่าวไปแชร์ต่อด้วย ให้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของพนักงานสอบสวนว่าเป็นตัวการร่วมหรือผู้ร่วมสนับสนุนหรือไม่” ทนายที่ได้รับมอบหมายกล่าว
นายอภิวัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีนี้ นายกรัฐมนตรี ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยไม่ได้สั่งหรือกำชับอะไรมา แต่ตนมาในนามส่วนตัวเพราะลูกความถูกใส่ร้ายเสียหาย แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยมีการกล่าวหามาโดยตลอด ลูกความพยายามอดกลั้นไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ล่าสุดเป็นเรื่องร้ายแรง หาว่าทุจริตโกงเงินประเทศหลักหมื่นล้านซึ่งไม่มีมูลความจริง เป็นการให้ร้ายเสื่อมเสียกับวงศ์ตระกูล จึงออกแถลงการณ์ชี้แจงใน 10 ประเด็น ดังนี้
1.เปลี่ยนชื่อ และเปลี่ยนนามสกุลกลับเป็นของมารดาเพื่อหลบหนีคดีฟอกเงินของบิดา ยืนยันว่าไม่เคยเปลี่ยนชื่อและนามสกุลโดยใช้ชื่อเดิมตั้งแต่เกิดจนปัจจุบัน
2.ไม่ได้อยู่ประเทศไทย ยืนยันว่า ทั้งคู่ใช้ชีวิตตามปกติอยู่ในประเทศไทย
3.เรียนอยู่ประเทศออสเตรเลีย ยืนยันว่าไม่เคยเรียนที่ประเทศออสเตรเลีย แต่เคยไปเที่ยวครั้งเดียวเมื่อยังเด็ก
4.เรียนอยู่ต่างประเทศ ยืนยันว่าเรียนชั้นประถมและมัธยมศึกษาที่โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ด้วยเกรดเฉลี่ย 4.00 และ 3.96 จบปริญญาตรีคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับสองทั้งคู่
5.สอบตกปริญญาโท ยืนยันว่าไม่เคยเรียนต่อปริญญาโทและไม่เคยสอบตก
6.พักอาศัยอยู่คฤหาสน์ที่ประเทศอังกฤษโดยมีเจ้าสัวซื้อให้ ยืนยันว่า ไม่เคยพำนักในอังกฤษ หรือประเทศใดเป็นเวลานาน เคยไปเที่ยวประเทศอังกฤษครั้งล่าสุดปี 2558 โดยใช้วีซ่านักท่องเที่ยวเข้าพักตามโรงแรมปกติ
7.ซุกเงิน ฟอกเงินโดยบิดาโอนเงินเข้าบัญชีที่ต่างประเทศ ยืนยันว่าไม่มีบัญชีที่ต่างประเทศ มีเพียงที่ไทย และบิดาเคยโอนเงินให้เมื่อปี 2556 ซึ่งบิดาเคยแสดงบัญชัทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ปี 2557 เป็นเงินที่ได้จากการขายที่ดินของ พ.อ.ประพัฒน์ จันทร์โอชา มีศักดิ์เป็นปู่ ที่นำมาแบ่งกับลูกหลาน
8.บิดาโอนเงินให้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือ ความลับใดๆ บิดาเป็นผู้ชี้แจงเองและแจกแจงที่มาที่ไปของเงินอย่างชัดเจนในการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช.อย่างเปิดเผย ตั้งแต่เมื่อครั้งรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อปี พ.ศ. 2557 และยังปรากฏเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อทั่วไปหลายครั้งแล้ว โดยเงินส่วนนี้มีที่มาจากการขายที่ดินของ พันเอก ประพัฒน์ จันทร์โอชา (คุณปู่) และมีการแบ่งทรัพย์สินภายในครอบครัว ซึ่งที่ดินผืนนี้เป็นมรดกตกทอดของครอบครัวมามากกว่า 50 ปี
9.ไม่มีภาพปรากฏในโลกออนไลน์ ยืนยันว่าตนทั้งคู่ไม่มีโซเชียลมีเดียใดๆ เพื่อนๆ ต่างรู้กันว่าไม่ขอออกสื่อเพื่อป้องกันการแอบอ้าง
10.ไม่เปิดเผยตัวตนเหมือนลูกนักการเมืองอื่นๆ ทั้งนี้ตนทั้งสองไม่ต้องการได้รับอภิสิทธิ์หรือรับผลประโยชน์ใดที่เกี่ยวข้องกับบิดา หรือตกเป็นที่สนใจของสังคม หากมีใครแอบอ้างถึงพวกตนทั้งสองว่าสามารถช่วยเหลือวิ่งเต้นได้นั้น ยืนยันว่าเป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น หากพบเบาะแสใดเกี่ยวกับการให้ร้ายพวกตน ส่งอีเมล์มาที่ [email protected]
สำหรับการดำเนินคดีกับผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์หลักร้อยคนหรือไม่ พล.ต.ต. สำเริง กล่าวว่า ยังระบุไม่ได้ ต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานว่า มีผู้ใดกระทำผิดบ้าง โดยเผยว่า จากนี้อาจต้องตั้งคณะทำงานกับหน่วยงานร่วม เพราะเป็นคดีที่รับความสนใจจากประชาชนและเพื่อสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานอย่างครบถ้วนสมบูรณ์เสียก่อน พร้อมยืนยัน ไม่มีความกดดัน และยอมรับว่าตนก็เพิ่งทราบชื่อบุตรสาวของ พล.อ. ประยุทธ์ เพราะเจ้าตัวไม่ค่อยเปิดเผยตัวตนผ่านสื่อ