ประยุทธ์ โต้แทน 3 ป. ไม่รับเงินชั่ว รังเกียจลูกน้องเลว

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เป็นวันที่สอง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลุกขึ้นอภิปรายเพิ่มเติมข้อกล่าวหาว่ารวบอำนาจและแทรกแซงการทำงานของหน่วยงานรัฐ ว่า การบริหารโควิด เป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อความเป็นเอกภาพ หลายเรื่องเกี่ยวกับหลายกระทรวง เพื่อเปิดเป็นเวทีกลาง ไม่มีใครอยากทำเกิดความยากลำบากทางเศรษฐกิจ อาจจะไม่ถูกใจ ไม่ตรงใจ แต่ขอให้เข้าใจว่า ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ หลายอย่างมีความย้อนแย้ง ท่านหนึ่งบอกว่าทำไมต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเร็วเกินไป อีกท่านหนึ่งบอกว่าช้าเกินไป ทำให้ทำงานลำบาก 

“ผมรวบอำนาจซะที่ไหน ใครจะว่า ใครจะด่า ใครจะดูถูกเหยียดหยาม ผมก็นั่งฟังอยู่นี้ไง ใช่ไหม ซึ่งมันไม่ควรเกิดขึ้นในสภาแห่งนี้ด้วยซ้ำไป แต่ผมก็ทน เพราะนี่คือประชาธิปไตยอย่างที่ทุกคนต้องการ เพราะฉะนั้นอย่างมาหาว่าผม เอาแต่อำนาจ ๆ ถ้าใช้อำนาจแบบนั้น ผมคงไม่ต้องมานั่ง (ในสภา) แบบนี้นะ และผมก็ชอบทำงานแบบนี้ด้วยซิ เพื่อให้ทุกคนแสดงความคิดเห็น ท่านคงลืมไปแล้วว่า 4-5 ปีที่ผ่านมามันสงบเพราะอะไร ถ้าวันนั้น (22 พ.ค.57) ไม่เกิดอย่างนั้นขึ้นมา มันจะเกิดอะไรขึ้น” 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราไม่เคยเจอเหตุการณ์ (โรคระบาดโควิด-19) อย่างนี้ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาคนละอย่าง เช่น ไข้หวัดนก เพราะอันนั้นเป็นการติดต่อจากสัตว์สู่คน แต่อันนี้เป็นการแพร่ระบาดจากคนสู่คน แพร่ระบาดเป็นไปในวงกว้าง 

“ผมจำได้ว่าการแก้ปัญหาโรคระบาดจากสัตว์สู่คน มีการฆ่าไก่ 4-5 ล้านตัว มันง่ายกว่านี้ไหม อันนี้มันคน มนุษย์ มันฆ่าทิ้งไม่ได้ รัฐบาลไหนทำก็ไม่รู้เหมือนกัน เสร็จแล้วก็ประโคมกันว่าเรียบร้อยแล้ว จัดการเรียบร้อยแล้ว คือ ไก่ก็ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อยู่พอสมควร”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ตนไม่อยากให้ใครเดือดร้อน แต่เป็นข้อเสนอในพื้นที่ ทำงานบูรณาการการทำงาน แต่แต่ละหน่วยงานใช้กฎหมายของตัวเอง  

“ผมทำในรูปแบบคณะกรรมการ เหมือนกับการทำงานของคณะรัฐมนตรี ผมไม่ได้ผูกขาดอำนาจไว้แต่เพียงผู้เดียวในฐานะผู้อำนวยการศบค. หลายประเทศทำแบบนี้ ทำแบบเรา” 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าถึงการแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวว่า “ผมยืนยัน 3 ป.ไม่มีรับเงิน เดี๋ยวไปพิสูจน์มา หาประจักษ์พยานมา แล้วไปสู้กันกับผมในคดี ในนี้ท่านพูดได้ ผมก็พูดได้เหมือนกัน แต่ผมต้องรักษากริยาของผม ผมรู้ว่าท่านต้องการให้ผมโมโห ยากครับยาก บอกไว้ก่อน”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนรังเกียจคนทำผิดกฎหมาย ตนรังเกียจเงินชั่ว ๆ  ที่ได้มาจากการกระทำความผิด ตนรังเกียจลูกน้องเลว ๆ นั่นคือผู้บัญชาการทหารบกเก่า

“ท่านบอกว่า ผมต้องมีเกียรติยศและศักดิ์ศรี มันอยู่กับผมมาตั้งแต่เกิด เกียรติยศและศักดิ์ศรีไม่ได้เกิดมาเพราะเป็นอะไร ไม่ใช่ มันเกิดแล้วจนตาย อยู่ในสายเลือดของผม อย่ามาบอกว่าผมไม่เคารพเกียรติยศและศักดิ์ศรีของตัวเอง ไม่งั้นผมไม่ทนท่านมาอยู่ถึงวันนี้ นี่ไม่ได้โมโหนะ”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ผู้อภิปรายบอกว่า ตนมีลักษณะ 17 อย่าง เช่น ไม่มีวุฒิภาวะ แต่ตนไม่มีข้อ 18 คือ ทุจริตจนคุ้นชิน คุ้นชิน เคยชินกับการทำทุจริต ตนไม่เคยเป็นอย่างนั้น พวกตนไม่เป็นอย่างนั้น ถ้าจะผิดจะถูกให้ไปว่ากันในกระบวนการยุติธรรม ในสภาตนอยากให้พูดให้เกียรติกันบ้าง ดูถูกเหยียดหยาม ควรหรือไม่ ในสภาจะพูดอะไรก็ได้ แต่ถ้าพูดข้างนอกมีปัญหา 

“ไอ้นั้นก็ไม่ดี ไอ้นี่ก็ไม่ถูก เอาไว้ให้ท่านเป็นรัฐบาล ขอให้ได้เป็นนะ จะได้เป็นหรือเปล่าไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่ได้หวงอำนาจใครที่ไหนเล่า ท่านก็เข้ามาด้วยกระบวนการเดียวกัน อย่าพูดมากกันนัก”