ศาลยังไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว “เพนกวิน” หลังเเม่ยื่นประกันครั้งที่ 4

สี่แกนนำวืดประกันตัวรอบสี่
ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก เพนกวิน - พริษฐ์ ชิวารักษ์ Parit Chiwarak

4 แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎรวืดครั้งที่ 4 ศาลยังไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว หลังยื่นประกันตัวรายละ 5 แสนบาท 

วันที่ 4 มีนาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีอัยการสำนักงานคดีอาญา 7 สั่งฟ้อง นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน, นายอานนท์ นำภา, นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และนายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือ หมอลำแบงค์ 4 ผู้ต้องหา แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112, 116 เเละข้อหาอื่น จากการชุมนุมที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ – สนามหลวง เมื่อวันที่ 19 – 20 กันยายน และจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว

ต่อมา อดีตอธิการและอดีตคณบดีนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เตรียมเข้ายื่นประกันตัว 4 ราษฎร ครั้งที่ 3 โดยจะเพิ่มหลักทรัพย์เป็น 4 แสนบาท แต่ไม่สำเร็จ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

วันนี้ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานความคืบหน้าว่า เช้านี้ ที่ศาลอาญา ทนายความได้ยื่นประกันตัว 4 แกนนำราษฎรอีกครั้ง โดยยื่นหลักทรัพย์ขอประกันคนละ 5 แสนบาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ ขณะที่เพนกวิน มีมารดาเป็นผู้ยื่นเป็นนายประกันด้วยตนเอง ติดตามผลประกันตัวต่อไป

นางสุรีรัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน เผยว่า สาเหตุที่ใช้ตัวเองเป็นนายประกัน เพราะเชื่อว่า “แม่” จะเป็นหลักทรัพย์ที่สำคัญที่สุดของเพนกวิน

“เชื่อว่าศาลจะเมตตา เพราะช่วงนี้เป็นช่วงใกล้สอบของลูก ที่ผ่านมาได้เจอลูกเพียงแค่มองผ่านกระจก ไม่ได้พูดคุย แต่เชื่อว่าลูกยังมีกำลังใจดี” มารดาของเพนกวินกล่าว

ล่าสุด มติชน รายงานว่า ศาลมีคำสั่งว่า คดีนี้ผู้ร้องเคยยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวและศาลนี้ได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ร้องอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยให้เหตุผลว่าเกรงว่าจำเลยจะไปก่อเหตุร้ายอีก หลังจากนั้นผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวและอุทธรณ์คำสั่งขอปล่อยชั่วคราวอีกหลายครั้ง

ศาลนี้เห็นว่าการที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว และได้ให้เหตุผลไว้แล้วศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ย่อมเป็นการยุติว่าคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวของศาลชั้นต้นนั้นถูกต้องแล้ว

แม้กฎหมายจะอนุญาตให้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวใหม่ได้ แต่การยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวใหม่ซึ่งจะมีผลให้ศาลเปลี่ยนแปลงคำสั่งได้นั้นต้องปรากฏว่าเป็นกรณีที่มีพฤติการณ์แห่งคดีได้เปลี่ยนแปลงไปไม่ว่าในเหตุลักษณะคดี

เช่น มีการรวบรวมพยานหลักฐานแล้วปรากฎพยานหลักฐานเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญามาตรา 108 อนุ2 หรือมีพฤติการณ์เกี่ยวกับจำเลยอันแสดงว่าจำเลยนั้นจะไม่หลบหนีหรือไม่สามารถไปก่อเหตุร้ายอื่นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

หากไม่มีข้อเท็จจริงในทางคดีที่เปลี่ยนแปลงไป ย่อมไม่มีเหตุที่ศาลจะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ศาลหาจำต้องระบุเหตุผลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 108/1ใหม่ไม่

เพราะเท่ากับจะเป็นการคัดลอกข้อความที่ศาลนี้และศาลอุทธรณ์ได้เคยมีคำสั่งไว้แล้ว ยิ่งเมื่อศาลนี้ได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งยืนตามต่อเนื่องกันมาหลายครั้ง หากศาลจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งโดยไม่มีเหตุ ย่อมเป็นการวินิจฉัยคดีตามอำเภอใจไม่เป็นแนวทางที่ชอบด้วยกฎหมาย

ส่วนที่ผู้ร้องอ้างว่าจำเลยที่ 1 อาจเจ็บป่วยเพราะมีโรคประจำตัวนั้น ขณะนี้ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 มีอาการเจ็บป่วยจริงจนถึงขนาดไม่สามารถรักษาพยาบาลภายในเรือนจำได้

ส่วนที่จำเลยที่ 1 เป็นนักศึกษานั้นมีเพียงเหตุผลให้คาดคะเนได้ว่าจะไม่สะดวกในการศึกษาเล่าเรียนเท่านั้น ยังไม่มีข้อเท็จจริงชัดเจนว่าจะกระทบต่อการเรียนของจำเลยที่ 1 อย่างชัดเจนร้ายแรงอย่างไร

ส่วนการดูแลครอบครัวและการประกอบอาชีพของจำเลยอื่นก็เป็นเหตุความขัดข้องทั่วไปของบุคคลซึ่งต้องคดียังไม่มีข้อเท็จจริงที่เป็นรูปธรรมว่าจำเลยทั้งหมดได้รับความเสียหายเป็นพิเศษจนถึงขนาดที่จะมีผลเพราะให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม

ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมที่ศาลสั่งไว้โดยชอบแล้ว ยกคำร้อง