มติคณะรัฐมนตรีแจกเงินเยียวยาประชาชนครั้งใหญ่ ใช้เงิน 4.2 หมื่นล้าน ครอบคลุมประชาชนและคนที่เป็นลูกจ้าง-นายจ้าง ใน 9 กิจการ
วันที่ 13 กรกฎาคม 2564 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการผ่านระบบ Video Conference ได้มีมติเห็นชอบมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ตามที่รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและทีมที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เสนอ เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ดังนี้
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
พื้นที่ไหนได้บ้าง
ความช่วยเหลือเร่งด่วน แก่กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการ ที่อยู่ในพื้นที่สถานการณ์ควบคุมสูงสุด 10 จังหวัด
-
-
- กรุงเทพมหานคร
- นครปฐม
- นนทบุรี
- ปทุมธานี
- สมุทรปราการ
- สมุทรสาคร
- นราธิวาส
- ปัตตานี
- ยะลา
- สงขลา
-
กลุ่มอาชีพได้รับการเยียวยา
กลุ่มที่ 1: 9 หมวดกิจการ
-
- ก่อสร้าง
- ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร
- ศิลปะ บันเทิงและนันทนาการ
- กิจกรรมการบริการด้านอื่น ๆ
- ขายส่งขายปลีกและซ่อมยานยนต์
- ขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า
- กิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุ
- กิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์ และกิจกรรมทางวิชาการ
- ข้อมูลข่าวสารและสื่อสาร
กลุ่มที่ 2 : 5 กิจการของถุงเงิน
-
- ร้านอาหารและเครื่องดื่ม
- ร้าน OTOP
- ร้านค้าทั่วไป
- ร้านค้าบริการ
- กิจการขนส่งสาธารณะ (ไม่รวมกิจการขนาดใหญ่)
มาตรการแจกเงินเยียวยา 3 หมื่นล้าน
รูปแบบการให้ความช่วยเหลือคือ กลุ่มแรงงานที่อยู่ในระบบและนอกระบบ สัญชาติไทย ใช้งบประมาณ 30,000 ล้านบาท มาจากแหล่งเงินเพื่อดำเนินมาตรการดังกล่าวจากพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 วงเงินไม่เกิน 500,000 ล้านบาท
ผู้ประกันตน ตามมาตรา 33
- จะได้รับความช่วยเหลือเงินจำนวน 2,500 บาท จำนวน 1 เดือน
ผู้ประกันตน มาตรา 39 และมาตรา 40
- จะได้รับความช่วยเหลือคนละ 5,000 บาท จำนวน 1 เดือน
แรงงานนอกระบบ-อยู่ใน “ถุงเงิน” ทำอย่างไร
ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ไม่ได้เป็น มาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40
- ให้ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม มาตรา 40 ภายในเดือน ก.ค. 64 เพื่อจะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท/คน
นายจ้าง/ผู้ประกอบการ กรณีที่มีลูกจ้าง
- ให้ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม มาตรา 33 ภายในเดือน ก.ค. 64 เพื่อผู้ประกอบการจะได้รับเงินช่วยเหลือตามจำนวนลูกจ้างสูงสุดไม่เกิน 200 คนในอัตรา 3,000 บาท/หัว/สถานประกอบการ
ลูกจ้างสัญชาติไทยจะได้รับเงินช่วยเหลือ 2,500 บาท/คน กรณีที่ไม่มีลูกจ้าง
- ให้ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม มาตรา 40 ภายในเดือน ก.ค. 64 จะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท/คน
ทั้งนี้ สำหรับแรงงาน ตามมาตรา 33 เดิมกำหนดว่าเหตุสุดวิสัย มีสิทธิ์ได้เงินทดแทนจากการว่างงาน ร้อยละ 50 ไม่เกิน 7,500 บาท ไม่เกิน 90 วัน เพิ่มเป็นได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐไม่เกิน 10,000 บาท ส่วนนายจ้างจะได้รับความช่วยเหลือสูงสุดไม่เกินจำนวนลูกจ้าง 200 คน อัตรา 3,000 บาทต่อคน จำนวน 1 เดือน
สำหรับกรณีที่ผู้ประกอบการในระบบ “ถุงเงิน” ในโครงการคนละครึ่ง-เราชนะ ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคมเพราะไม่มีลูกจ้าง ให้ดำเนินการลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตาม มาตรา 40 เพื่อรับความช่วยเหลือรายละ 5,000 บาท ด้วย 1 เดือน
บ้าน-กิจการ ได้ลดค่าไฟ ค่าน้ำ ทั่วประเทศ
สำหรับการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายของประชาชน ธุรกิจทั่วประเทศ ประกอบด้วย ลดค่าไฟฟ้า ให้สิทธิส่วนลดบ้านที่อยู่อาศัย กิจการขนาดเล็ก ขนาดกลาง กิจการขนาดใหญ่ กิจการเฉพาะอย่าง องค์กรไม่แสวงหากำไร และการสูบน้ำเพื่อการเกษตร ไม่รวมราชการและรัฐวิสาหกิจ กรณีผู้ใช้ไฟฟ้าบ้าน ไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน ให้สิทธิฟรี 90 หน่วยแรก ผู้ใช้ไฟฟ้ากิจการขนาดเล็ก ใช้สิทธิไฟฟ้าฟรี 100 หน่วยแรก เป็นเวลา 2 เดือน (ก.ค.-ส.ค.)
ค่าน้ำประปา บ้านอาศัย และกิจการขนาดเล็ก ได้ลดค่าน้ำลง 10 % เป็นเวลา 2 เดือน (ส.ค.-ก.ย) โดยให้การไฟฟ้านนครหลวง การประปาภูมิภาค และการไฟฟ้าภูมิภาค ขอสนับสนุนแหล่งเงินจาก พ.ร.ก.เงินกู้ เพื่อดำเนินมาตรการไม่เงิน 12,000 ล้านบาท
มาตรการด้านการศึกษา
กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงอุดมศึกษาฯ ลดเงินค่าบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ในภาคเรียนที่ 1/2564 เป็นกรณีพิเศษ
มาตรการช่วยลูกหนี้ธนาคาร
ให้กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย หารือกับธนาคารพาณิชย์ ผ่อนปรนการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย หรือการเลื่อนงวดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ลูกค้าทั้งที่เป็นประชาชนและผู้ประกอบการอย่างจริงจัง โดยจะกำหนดช่องทางร้องเรียนของประชาชน กรณีสถาบันการเงินไม่ให้ความร่วมมือ และจะพิจารณาดำเนินการอื่น ๆ ต่อสถาบันการเงินดังกล่าวด้วย
เอสเอ็มอี รอครั้งต่อไป
มติ ครม. ระบุด้วยว่า มาตรการในระยะต่อไป จะให้ความช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ทั่วประเทศ โดยให้สภาพัฒน์ กระทรวงแรงงานและกระทรวงการคลัง กำหนดรูปแบบช่วยเหลือ ตามความเหมาะสมต่อไป