ประยุทธ์สวดมนต์ : ย้อนรอยสารพัดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ข่มฝ่ายค้าน

ประยุทธ์สวดมนต์ทุกวัน
แฟ้มภาพ

“ประยุทธ์” สร้างความฮือฮาระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังยกประเด็น “สวดมนต์ทุกวัน” การันตีว่าตัวเองจะไม่ทำอะไรผิด 

วันที่ 31 สิงหาคม 2564 ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธาน เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล

เมื่อเวลา 13.48 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ลุกขึ้นชี้แจง โดยช่วงหนึ่งกล่าวว่า ทุกวันนี้ตนรับแต่เงินเดือน ไม่มีลูกหลานทำธุรกิจอะไร ใช้แต่เงินเดือนเท่านั้น และตนสวดมนต์ทุกวัน ดังนั้น จะไม่ทำอะไรที่ผิด

ต่อมาประโยคที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “สวดมนต์ทุกวัน ดังนั้น จะไม่ทำอะไรที่ผิด” ได้ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในโซเชียล โดยเฉพาะจากฝ่ายตรงข้ามที่มองว่าเป็นตรรกะที่ไม่ถูกต้อง เพราะการสวดมนต์ไม่ได้การันตีว่าผู้สวดจะต้องเป็นคนดี พร้อมยกตัวอย่างกรณี “พระสงฆ์” ที่ตั้งวงสังสรรค์รับประทานหมูกระทะและดื่มเบียร์ สร้างความเสื่อมเสียให้กับพุทธศาสนา ทั้งที่สวดมนต์ทุกวันเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ประเด็นเกี่ยวกับการสวดมนต์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก จากการตรวจสอบพบว่าระหว่างปี 2558 ถึง 2564 พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งเคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการสวดมนต์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงยังจัดพิธีสวดมนต์ระดับประเทศมาแล้ว

สวดมนต์ขอพระพิรุณ ขอให้ประเทศชาติปลอดภัย

วันที่ 15 กรกฎาคม 2558 วอยซ์ออนไลน์ รายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ภัยแล้ง หลังจากเมื่อคืนวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมามีฝนตกในหลายพื้นที่ ซึ่งยอมรับว่า ดีใจ เมื่อคืนสวดมนต์ขอพระพิรุณ ขอให้ทุกคน ขอให้ประเทศชาติปลอดภัย ขอให้ประเทศชาติสงบสุข ขอให้สื่อน่ารัก ขอทุกวัน ไม่ได้พูดเล่น

“พายุปาบึกเสียหายน้อย เพราะผมสวดมนต์ทุกวัน”

วันที่ 10 มกราคม 2564 ข่าวสด รายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไปเป็นประธานงาน “มหกรรมการแสดงผลการดำเนินงานโครงการตามแนวทางประชารัฐของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง” ที่อาคารชาเลนเจอร์ อาคาร 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ช่วงหนึ่งบนเวที พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่มีใครจะสร้างประเทศไทยให้ยั่งยืนได้ ผมก็ไม่ได้ ใครก็ไม่ได้ นอกจากคนไทยด้วยกัน จะเลือกตั้งให้ได้รัฐบาลที่ดี ก็อยู่ที่คนไทยทั้งหมด รัฐบาลที่ดีต้องได้นายกรัฐมนตรีที่ดีด้วย ไม่ใช่ได้อะไรมาก็ไม่รู้ ที่ตามใจพอใจก็พอ ไปทบทวนดู

ที่พูดมาทั้งหมด ผมไม่ได้ให้ร้ายใคร พูดตรงนี้เพราะผมไม่ใช่นักการเมืองที่จะไปลงเลือกตั้ง แต่ผมพูดในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี ผมมีความห่วงกังวลในประเทศของเรา คิดว่าทุกคนก็ต้องห่วงเช่นผมเหมือนกัน ห่วงหรือไม่ ห่วงชาติหรือไม่ เมื่อห่วงแล้วก็ต้องหวงด้วย ไม่ใช่ห่วงอย่างเดียวแต่ไม่หวง

“ดินแดนนี้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ คิดง่าย ๆ ให้รู้สึกดี ภูมิใจในความเป็นชาติ แม้กระทั่งพายุปาบึก มีความเสียหายน้อยอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะเขาค่อยสลายไปเอง ผมสวดมนต์ทุกวัน ขอพระสยามเทวาธิราช ไม่เช่นนั้นจะทวีความรุนแรงขึ้น ทุกประเทศที่โดนเดี้ยงหมด”

ก็แปลกดีที่ของเราค่อย ๆ ม้วนหาง แต่ก็ยังมีคนเดือดร้อนเสียชีวิต ไม่ใช่เรื่องที่เราจะปล่อยปละละเลย ก็ทำเต็มที่ สิ่งเหล่านี้เป็นพลังเดินหน้าประเทศไปข้างหน้า ผมทำคนเดียวไม่ได้

รัฐบาลจัดสวดมนต์ใหญ่ปัดเป่าโควิด

วันที่ 18 มีนาคม 2563 ข่าวสด รายงานว่า นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดสํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พ.ศ.) ที่ให้ทุกวัดทั่วราชอาณาจักรและวัดไทยในต่างประเทศเจริญพระพุทธมนต์ บทรัตนสูตร เพื่อเป็นสิริมงคลและสร้างขวัญกำลังใจในช่วงสถานการณ์ประเทศเกิดวิกฤต

นายเทวัญ อธิบายว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่โบราณก็มีช่วงที่ประเทศประสบกับโรคภัยไข้เจ็บ เช่น การระบาดของโรคห่า (อหิวาตกโรค) ก็จะสวดมนต์บทนี้ เพราะมีความเชื่อว่าจะช่วยปัดเป่าเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ และสิ่งไม่ดีให้พ้นจากประเทศไป โดยเริ่มต้นสวดมนต์วันแรกในวันที่ 25 มีนาคม พร้อมถ่ายทอดสดออกอากาศทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนร่วมสวดพร้อมกันที่บ้านของแต่ละคน ป้องกันการระบาดของโควิด

นายเทวัญกล่าวด้วยว่า เรื่องดังกล่าวได้หารือกับนายกรัฐมนตรี ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 17 มีนาคมเรียบร้อยแล้ว นายกฯระบุว่าดี เพราะเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ พร้อมกับให้ข้อแนะนำให้เฝ้าระวัง หากประชาชนมารวมตัวกันมาก อาจจะเกิดการติดเชื้อได้

ต่อมาวันที่ 24 ตุลาคม พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินทางไปที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เพื่อเป็นประธานในพิธีสวดมนต์ดังกล่าว พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า พิธีเจริญพระพุทธมนต์นี้ เป็นบทสวดมนต์โบราณ เมื่อกรณีที่บ้านเมืองประสบภัยพิบัติ และเวลานี้มีเรื่องน้ำท่วม อุทกภัย โรคระบาดโควิด-19

“ช่วงนี้เรามีวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งตนก็ไม่สบายใจ ก็ต้องการทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ด้วยความตั้งใจของตน คณะรัฐมนตรี (ครม.) ข้าราชการ และประชาชนทั่วประเทศ ต้องเอาศาสนาที่เป็นหลักของชาติเข้ามาด้วย เพราะเรามีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และในรัฐบาลก็มีคำว่าประชาชน”

“ทุกกลุ่มทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ตาม ซึ่งนายกฯก็ไม่ใช่คู่ขัดแย้งของใคร รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลคนไทยทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ก็ขอให้ทุกคนหันหน้ากลับมาปรองดอง ต้องลองหารือร่วมกันในการแก้ปัญหา ปัญหาทุกปัญหาแก้ได้ ถ้าตั้งใจจริงในการแก้ปัญหา และรัฐบาลก็ยืนยันว่าตั้งใจจริง ก็ขอให้อยู่ในกรอบที่สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย ขอให้ทุกคนมีความสุข”

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯสบายใจขึ้นหรือไม่ หลังจากสวดมนต์ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว จากนั้นเดินกลับทันที ตามรายงานของข่าวสด 

กังวลฉีดวัคซีนให้สวดมนต์

วันที่ 14 พฤษภาคม 2564 วอยซ์ออนไลน์ รายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วยอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และพลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมและติดตามการทดลองระบบฉีดวัคซีนที่จุดฉีดวัคซีนโควิด-19 ห้างสรรพสินค้า เดอะมอลล์บางกะปิ

ระหว่างนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวกับผู้ที่มารอรับวัคซีนว่า ขออย่ากังวล ทำใจให้สบาย หากกังวลให้สวดมนต์ ฉีดวัคซีนไม่มีอะไรน่ากลัว ฉีดแล้วก็ช่วยประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนมาฉีดวัคซีนด้วย

ในใจผมมีพระอยู่

นอกจากจะสวดมนต์ทุกวันแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ยังเคยโชว์พระที่ห้อยอยู่ที่คอด้วย โดยเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2559 มติชน รายงานว่า หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ตอบคำถามนักข่าวที่ถามว่า ได้รับวัตถุมงคลใดจากเจ้าคุณธงไชยบ้าง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “พระผมมีเยอะอยู่แล้ว”

จากนั้นจึงได้ปลดกระดุมเสื้อ เพื่อโชว์พระที่ห้อยอยู่ที่คอ ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งผู้สื่อข่าวส่งเสียง “โอ้โห” ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะกล่าวต่อว่า

ภาพจาก มติชน

“พระของผมมีมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ตอนเป็นทหารก็ได้มาตลอด เช่น หลวงปู่ทวด แต่ไม่ได้นับว่าทั้งหมดกี่องค์ ผมไม่หนัก เพราะพระอยู่กับผม ในใจผมมีพระอยู่ ในใจมียิ่งกว่าพระประทานอีก”