ฟังความ 2 ขั้ว ประยุทธ์-ประวิตร อนาคตพลังประชารัฐฝุ่นตลบ-พรรคแตก

รายงานพิเศษ

การแบ่งขั้วภายในพรรคพลังประชารัฐ กลายเป็นคลื่นใต้น้ำ-บั่นทอนฐานอำนาจพี่-น้อง 3 ป. เกิดเป็นภาพ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ถูกจับมา “วัดพลัง” กัน

ยกแรก จากการลงพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี กับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา “ขั้วบิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ชนะคะแนน “ขั้วบิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี “ขาดลอย” 55 ต่อ 9

“เบื้องหลัง” การถ่ายทำ ส.ส.พลังประชารัฐ 55 ชีวิต ตบเท้า “เช็กชื่อ” ต้อนรับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร “ครึ่งพรรค” หลังจาก “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค-“เสี่ยยักษ์” วิรัช รัตนเศรษฐ ยกหู โทร.ตาม-เคลียร์คิว

55 ส.ส.จากทุกกลุ่ม-ก๊วน แห่แหนกันมา “แสดงพลัง” ณ จุดนัดพบ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นคิวแทรกก่อนนัดประชุม ส.ส. โดยอ้างชื่อ “พล.อ.ประวิตร” นั่งหัวโต๊ะ แต่สุดท้าย “ไม่มาตามนัด”

ขณะที่อีกฟากฝั่ง ตลาดท่ายาง-สถานีส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี (เขื่อนเพชร) จังหวัดเพชรบุรี มี ส.ส.พลังประชารัฐ เพียง 9 คน ไปต้อนรับ “บิ๊กตู่” โดยมี “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี-รมว.แรงงาน ประกบข้างกาย

วิรัชปะทะสุชาติ

ฟังความ 2 ขั้ว-2 ข้าง ความฝั่ง “เสี่ยยักษ์” ขั้วบิ๊กป้อม รับฟังได้ว่า “เป็นห่วงกันทุกคน มานั่งวิเคราะห์ วิจารณ์กัน เช็กข่าวทางเพชรบุรี เพชรบุรีเป็นยังไง แล้วก็มาดูสาเหตุที่มันเกิด เพราะอะไร ทำไมไปทางโน้นน้อย ทางนี้มาก”

“โดยสรุปง่าย ๆ อยู่ที่ผู้ประสานงานของท่านนายกฯ ผมไม่ระบุชื่อแล้วกัน ไม่รู้ประสานกันแบบไหน ให้ ส.ส.ไปเพชรบุรี แต่กลับมาอยุธยา ตรงนี้เป็นปัญหา”

“ยังนั่งคุยกันเลย เลขาฯพรรคก็บอกว่า เราจะปล่อยเป็นอย่างนี้ไม่ได้หรอก ถ้าปล่อยเป็นอย่างนี้ก็จะกลายเป็นให้เขาวิพากษ์วิจารณ์กัน และผมคิดว่า ข่าวตรงนี้ก็จะอยู่ในหน้าสื่ออีกหลายวัน”

“วิธีการที่จะดำเนินการต่อไป ถ้าท่านนายกฯจะไปที่ไหน ท่านหัวหน้าพรรคจะไปที่ไหน แม้กระทั่งรัฐมนตรีของพรรคจะไปที่ไหน จะมอบให้ นายไผ่ ลิกค์ รองเลขาธิการพรรค เป็นผู้ประสาน”

“(นายไผ่) เป็นคนทำได้ดี คุยได้ทุกคน คุยได้ทุกอย่าง คุยแล้วรู้เรื่อง พูดแล้วก็มากัน ผมคิดว่า น่าจะให้เขาทำหน้าที่ตรงนี้ ถ้าปล่อยให้ผู้ประสานงานที่ทำอยู่วันนี้ ก็จะเห็นอย่างนั้น”

“บางคนมีความรู้สึกว่า ไปบอกแล้วก็ไม่ไป เขาก็กลับมาอีกฝั่งหนึ่ง บางคนเขาอาจจะใช้ เรียกว่า ใช้อำนาจมากสูงเกินไป เขาก็เลยไม่ไปกัน เราต้องยอมรับว่า ส.ส.มีความเป็นอิสระสูงในการตัดสินใจ เขาจะไปตรงไหนก็ได้ที่เขาสบายใจ”

“ต่อไปนี้ต้องมาช่วยกัน (กับนายไผ่) ถ้าไปพร้อมกันอีก ก็ต้องจัดให้ดูเสมอ ๆ ต้องคุยกัน ไม่ใช่ไม่คุย มีความรู้สึกว่า ถ้าเป็นอย่างนี้ เดี๋ยวสื่อมวลชนก็แหย่กันไป แหย่กันมา มันไม่มีอะไร แต่ก็สั่นคลอนเหมือนกัน”

“โทร.ถามทางเพชรบุรี เขาบอกว่า ทางนี้เหงา เราก็รู้สึกแล้ว พอเห็นข่าวเริ่มออก เราก็เห็น ถ้ามีเหตุการณ์ลักษณะอย่างนี้เกิดขึ้นอีก ไปวันเดียวกัน สถานที่อย่างนี้ เราก็ต้องจัด ต้องแบ่ง ต้องดู ผมก็จะเข้าไปดูใกล้ชิดให้เท่าเทียม”

ลงพื้นที่ไม่ต้องมีคนต้อนรับ

ความอีกฝั่ง “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ “ขั้วบิ๊กตู่” ผู้ถูกพาดพิง-เป็นผู้ประสานงานที่ถูก “ด้อยค่า” ว่า มือไม่ถึง ไม่มีศักยภาพ ขาดทักษะ ขาดศิลปะในการรวบรวม ส.ส.

“เป็นความคิดของนักการเมืองโบราณ นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ไปตรวจราชการแผ่นดิน ผมไปในนามของผู้ปฏิบัตินโยบายเยียวยาผู้ประกันตน แม่ค้าพ่อค้าในตลาด (ท่ายาง) มาตรา 40 ซึ่งได้ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ช่วยเหลือเยียวยาคนละ 5,000 บาท”

“ไม่จำเป็นต้องตามคนมาต้อนรับ ไม่ได้ประโยชน์ ไม่ได้เป็นเรื่องการเมือง ผมไม่ใช่ผู้ประสานงาน การประสานไม่ใช่เป็นเรื่องของการเรียกคนมาเพื่อการเมือง แต่คนที่มาเป็น ส.ส.ในพื้นที่ ถ้าท่านนายกฯไปลงพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี เอา ส.ส.โคราชมา ได้ประโยชน์อะไร เอา ส.ส.กำแพงเพชรมา ได้ประโยชน์อะไร ชาวบ้านก็จะมองว่าเป็นเรื่องการเมือง”

“การลงพื้นที่ไม่ใช่เป็นเรื่องการเมือง ท่านนายกฯลงพื้นที่เพื่อลงไปตรวจราชการ ต่างคนก็ต่างทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองด้วยกันหมด ท่านนายกฯไป ผมไป (ตลาดท่ายาง) ในฐานะเรื่องเงินเยียวยามาตรา 40 ถ้าเอา ส.ส.โคราช เอาวิรัชมา วิรัชมีประโยชน์อะไร มีประโยชน์อะไรกับจังหวัดเพชรบุรี”

“ไม่อยากให้นักการเมืองโบราณคิดอย่างนี้ เปลี่ยนได้แล้ว การเมืองต้องคิดถึงประเทศชาติ บ้านเมือง ไม่ใช่คิดถึงเรื่องการเมืองอย่างเดียว ไม่ใช่หมวดหาเสียง เป็นหมวดติดตามงาน ติดตามนโยบาย ผมไม่ได้ โทร.หาใคร ส.ส.เพชรบุรีที่ไป เพราะเป็น 1 ใน 29 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มที่ได้รับเงินเยียวยา ผมไปราชการ จะไม่ให้ผมไปได้ยังไง”

“อย่าให้นักการเมืองโบราณคิดแต่เรื่องการเมือง ประเทศชาติจะเดินไปทางไหน ถ้านักการเมืองคิดแต่เรื่องแบบนี้ ต้องคิดถึงประเทศชาติ บ้านเมือง ไม่ใช่คิดถึงเรื่องการเมือง ผมจะชวน ส.ส.โคราช มาเพชรบุรีทำไม ได้ประโยชน์อะไร”

สำหรับ “ไผ่ ลิกค์” เจ้าของฉายา “ไผ่ วันพอยท์” ผู้รับบท “มือประสาน” และ “สมานรอยร้าว” ไม่ให้ “พรรคแตก” สวมหมวกในพรรคพลังประชารัฐถึง 3 ใบ “ใบแรก” ส.ส.กำแพงเพชร “ใบที่สอง” รองเลขาธิการพรรค และ “ใบที่สาม” กรรมการบริหารพรรค

สัมพันธ์ตู่-ป้อม ไม่มีใครทำลายได้

แม้ทั้ง “สองขั้ว” จะงัดข้อ-วัดพลังกันอย่างไร แต่จากปากคำต่างกรรม-
ต่างวาระของ พี่-น้อง 3 ป. “บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่” คงรักใคร่-กลมเกลียว-แนบแน่น

“ไม่ได้วัดพลัง ผมกับนายกฯดีกันอยู่ตลอดเวลา เจอกันทุกวัน จะให้ทะเลาะกันได้ไง ไม่มี ไม่ได้วัดพลัง ความจริง ท่านนายกฯอยากมาดูที่บางบาล พอดีผมวางแผนไว้ก่อนแล้ว ท่านเลยไปดูที่เพชรบุรี ตรงกันพอดี ไม่ได้มีอะไร”

“ไม่มีอะไรหรอก ที่แล้ว ๆ มา ผมไปที่ไหน เขา (ส.ส.) ก็ไปมากอย่างนี้ทุกที่ ผมไปใต้ก็มากอย่างนี้ ทุกที่ ภายในพรรคผมไม่มีอะไรนะครับ ในพรรคเรียบร้อย คุณ (สื่อ) ไปเขียนกันเองทั้งนั้น เชื่อผม”

“บิ๊กป้อม” ยืนยันหนักแน่น ระหว่างลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.พระนครศรีอยุธยา ท่ามกลางการห้อมล้อมของ 55 ส.ส.พลังประชารัฐ

เช่นเดียวกับ “บิ๊กตู่” กล่าว “เปิดใจ” ก่อนวันลอบสังหารทางการเมือง 4 กันยายน 2564 ว่า “คุยกันตลอด ผมคุยกับท่านทุกวัน 3 ป. ไม่มีใครทำลายผมได้”

“ทุกคนอาจจะไม่รู้ ผมร่วมเป็นร่วมตายกันมา ชายแดนผมก็อยู่ ท่ามกลางสนามรบผมก็อยู่ อยู่ด้วยกัน และท่าน (พล.อ.ประวิตร) ก็เป็นผู้บังคับบัญชาผมตั้งแต่ก้าวแรกที่ผมเข้ามารับราชการ อยู่บ้านเดียวกัน กินนอนด้วยกัน สั่งสอนกัน อบรมด้วยกัน แม้โตขึ้นมาก็ยังเคารพ ยังคบกันอยู่ ทุกอย่าง ผมมีวันนี้ได้เพราะพี่ทั้ง 2 คน”

“จะตีผมกันยังไง ผมไม่มีแตกอยู่แล้ว รักกัน เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน จำคำพูดผมไว้แล้วกัน”

ก่อนจะตอกย้ำความสัมพันธ์เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นการพบกันครั้งแรกต่อหน้าสื่อหลังจากเกิดกระแสข่าวระหองระแหงกัน

“ผมไม่จำเป็นต้องเคลียร์ เห็นหน้าก็รู้ใจ ต่างคนต่างรู้ใจซึ่งกันและกัน ยืนยันไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้นในการทำงาน ไม่มีวันที่จะไม่เข้าใจกัน ยืนยันอีกครั้ง”

โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง