เลือกตั้งอีสานเดือด 5 พรรค พร้อมรบ สุดารัตน์เปิดตัวบ้านใหญ่ “เชิดชัย”

“ไทยสร้างไทย” ของ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ในฐานะประธานพรรค ลุยพื้นที่ภาคอีสาน เมืองย่าโม จ.นครราชสีมา

พร้อมเปิดตัว “สุรวุฒิ เชิดชัย” เป็นรองประธานคัดสรรภาคอีสานตอนใต้ และทีมงานพรรค

“สราวุฒิ” ดีกรีอดีตนายกเทศมนตรีเมืองย่าโมหลายสมัย ในฐานะหัวหน้ากลุ่มประสานมิตร ยอมที่จะสละการกลับเข้าสู่ตำแหน่งในการเลือกตั้งสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ด้วยเหตุผลเรื่องการดูธุรกิจครอบครัว คือ บริษัทเชิดชัย คอร์ปอเรชั่น และต้องการดูมารดาคือ นางสุจินดา เชิดชัย หรือ เจ๊เกียว ที่มีอายุมากแล้ว

เวลาผ่านไป 8 เดือน “สุรวุฒิ” ผันตัวจากสนามการเมืองท้องถิ่นเข้าสู่การเมืองระดับชาติ ในนาม “ไทยสร้างไทย”

เปิดบัญชีทรัพย์สินที่แจ้งไว้ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตอนพ้นตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครราชสีมา โดยมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 404,932,487 บาท

ประกอบด้วย เงินฝาก 1,815,459 บาท เงินลงทุน 60,239,000 บาท เงินให้กู้ยืม (บำเหน็จค้างรับ) 1,164,948 บาท ที่ดิน 179 แปลง โดยรวมโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 3 แห่ง 338,043,079 บาท ยานพาหนะ 3,670,000 บาท ไม่มีหนี้สิน

และยังเป็นกรรมการบริษัทในบริษัทต่างๆ อาทิ บริษัท รวดเร็วปลอดภัย จำกัดบริษัท เชิดชัยลิชชิ่ง จำกัดบริษัท เชิดชัย คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัท ดากานดา เอ็กซ์เพรส จำกัด บริษัท เชิดชัย การาจ จำกัด และบริษัท เชิดชัยวรรณ จำกัด

กลายเป็น “ต้นทุน” การเมือง ในอีสานของไทยสร้างไทย

อย่างไรก็ตาม บุคลากรการเมืองในตระกูลเชิดชัยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ลงเล่นการเมืองในสนามระดับชาติหลายคน ทั้งพรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย กระทั่งปัจจุบันพรรคเพื่อชาติ ก็มี “ลินดา เชิดชัย” เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ

แม้ว่าอีกกว่า 18 เดือน จะถึงวันเลือกตั้ง หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ผู้กุมอำนาจสูงสุดฝ่ายบริหารจะครบวาระ เพื่อเลือกตั้งใหม่ในปี 2566 หรืออาจจะเลือกตั้งใหม่ในปี 2565 หากเกิดอุบัติเหตุ “ยุบสภา”

พื้นที่สนามเลือกตั้งภาคอีสาน จะกลายเป็นพื้นที่แข่งขันทางการเมืองอย่างดุเดือด เพราะในการเลือกตั้งปี 2562 มีเขตเลือกตั้ง 116 เขต แต่ถ้ากติกาเลือกตั้งบัตร 2 ใบ ตามรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม มีผลบังคับใช้ และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีการเพิ่มจำนวน ส.ส.เขตจากปัจจุบัน 350 เขตเลือกตั้ง เพิ่มเป็น 400 เขตเลือกตั้ง

พร้อมการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ อาจทำให้ภาคอีสานมีเขตเลือกตั้งทะลุไปถึง 126 เขต + – ตามจำนวนประชากร ปีล่าสุดก่อนเลือกตั้ง

ไทยสร้างไทย อาจต้องเจอคู่แข่งที่มาแรงและแข็งแกร่งอย่างภูมิใจไทย ของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ที่ยกทัพบุกหลายจังหวัดในภาคอีสาน จนพรรคเพื่อไทยเจ้าของ ส.ส. 84 เสียงในอีสาน ต้องขวัญผวา

ภูมิใจไทย กินเบ็ดเสร็จในบุรีรัมย์ ส่วนนครราชสีมา ก็มี “วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล” รมช.คมนาคมสังกัดภูมิใจไทย คุมพื้นที่อยู่ และภรรยาก็เป็นนายกนครราชสีมา แม้ว่าบุรีรัมย์ จะเป็นเมืองหลวงของภูมิใจไทย แต่ จังหวัดสุรินทร์ เป็นบ้านเกิดของ “เนวิน ชิดชอบ” ครูใหญ่ภูมิใจไทย

งานนี้ ส.ส.อีสานใต้ ในเพื่อไทย ประเมินว่า ครูใหญ่ เนวิน ต้องตีพื้นที่สุรินทร์ของเพื่อไทยให้แตก ขณะที่อีสานตอนกลาง กับ อีสานตอนบน เพื่อไทยก็มีเสียวจะถูกเจาะหลายที่

พลังประชารัฐ ยังแบ่งเป็นหลายซุ้มที่ดูภาคอีสาน “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม แกนนำกลุ่มสามมิตร เป็นประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสาน แต่อีสานในพลังประชารัฐก็ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะมีหลายมุ้ง หลายกลุ่ม เช่น กลุ่ม วิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ที่แตะมือกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค กลุ่มอุบลฯ -อีสานใต้ ที่มีนามสกุลการเมืองทั้ง โควสุรัตน์ วรรณสถิต ฟองงาม ก็ไม่คล้องจองกัน

แหล่งข่าวเพื่อไทยวิเคราะห์ว่า “อีสานเป็นเป้าหมายของหลายพรรค ถามว่าน่ากลัวไหม..น่ากลัว แต่ต้องกลัวอย่างมีเหตุมีผล และมียุทธศาสตร์ เพราะเขตใหม่อีสานอาจจะเพิ่ม 124-125 ที่นั่ง และขณะบางพรรคก็ไม่ได้สนใจนโยบาย แต่ปู (เงิน) อย่างเดียว”

เมื่อ “คุณหญิงสุดารัตน์” ลุยพื้นที่อีสาน ประกาศตัว “นายทุน” เชิดชัย ปะทะ ทุนใหญ่-การเมืองแข็งแกร่ง อย่างภูมิใจไทย สู้กับเจ้าของพื้นที่เดิมเพื่อไทยที่เพิ่งประกาศตัวนารีขี่ม้าขาวคนใหม่ “แพทองธาร ชินวัตร” และพลังประชารัฐ ที่มีทั้งอำนาจเงิน อำนาจรัฐ

ยังมีตัวแปรใหม่ คือพรรคก้าวไกล ที่ประกาศแคมเปญ “อีสาน 2 เท่า” ปลุกศักยภาพอีสาน ไม่นับพรรคดั้งเดิมอย่าง “ชาติพัฒนา” ที่กลายเป็นพรรคน้อยเสียง ก็ยังไม่อาจมองข้าม

สมรภูมิอีสาน ยิ่งถอยหลัง ยิ่งเดือด