แท็กติก “ชัชชาติ-สุชัชวีร์” ตัวละครลับ ก้าวไกล ศึกชิงผู้ว่าฯ กทม.

แม้ยังไม่รู้ วัน ว. เวลา น. ในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

แต่มวยคู่เอกบนสังเวียนเลือกตั้ง “พ่อเมือง” กรุงเทพฯ กลบรัศมีผู้สมัครคนอื่น ๆ

ฝ่ายหนึ่ง “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” อดีตรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ประกาศตัวลงในนามอิสระตั้งแต่ปลายปี 2562 มีพรรคเพื่อไทยเป็น “กองเชียร์กิตติมศักดิ์”

อีกฝ่ายหนึ่ง “สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” หรือ ดร.เอ้ ลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ เปิดตัวอลังการ ก่อนสะดุดมุข “หลานไอน์สไตน์”

โปรไฟล์ทั้งคู่กินกันไม่ลง เมื่อเทียบน้ำหนักแบบปอนด์ต่อปอนด์ ดีกรีด็อกเตอร์ทั้งคู่

“ชัชชาติ” เป็นวิศวกรโครงสร้าง จบวิศวกรรม จุฬาฯ ส่วน “สุชัชวีร์” เป็นวิศวกรอุโมงค์ จบวิศวกรรม ลาดกระบัง

จบจาก MIT (Massachusetts Institute of Technology) มหาวิทยาลัยเบอร์ต้นของโลก เหมือนกัน เพียงแต่ “ชัชชาติ” จบปริญญาโท ส่วน “สุชัชวีร์” จบปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยนี้

ขณะที่นโยบายทั้งคู่เริ่มออกมาให้ voter ได้เก็บรายละเอียดกันมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม “สติธร ธนานิธิโชติ” ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า ผู้เฝ้ามองปรากฏการณ์การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แบบ “ติดขอบจอ” ทั้งออฟไลน์ ออนไลน์

วิเคราะห์แท็กติกที่ “ชัชชาติ-สุชัชวีร์” หาเสียงกันคึกคักในวันนี้ และวิเคราะห์พฤติกรรมโหวตเตอร์คน กทม.อย่างน่าสนใจ

เริ่มจาก ดร.เอ้ (สุชัชวีร์) ฉลาดอยู่ 2 ข้อ ที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ถือว่าคิดถูก เพราะ 4 แสนกว่าคะแนนในการเลือกตั้งใหญ่ 24 มีนาคม 2562 ที่ กทม. คือ “ของตาย”

เพราะพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่แย่ที่สุดตอนการเลือกตั้งปี 2562 ยังเลือกพรรคประชาธิปัตย์อยู่ แปลว่าฐานของแท้พรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้น มีคะแนน 4 แสนตุนไว้แล้วในมือ

ส่วน 7 แสนคะแนนของพรรคพลังประชารัฐ คือฐานเดิมพรรคประชาธิปัตย์ที่ย้ายไปเพราะการเมือง ถ้าเปิดตัวแล้ว “ดร.เอ้” ทำดี ๆ ฐานนี้มีโอกาสสะวิงกลับมาหาพรรคประชาธิปัตย์ได้ เพราะเคยเลือกกันมาก่อน

ข้อ 2 ถ้าส่องเพจเฟซบุ๊ก ดร.เอ้ ดี ๆ เวลาถ่ายรูป ลงพื้นที่ จะเล่นกับเด็กเล็ก ๆ ซึ่งเด็กเล็ก ๆ ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง แต่เพราะจะเจาะคะแนนพ่อแม่ที่อายุ 30-50 คนวัยที่มีลูกเล็ก ๆ กับปู่ ย่า ตา ยาย ซึ่งชอบการหาเสียงแบบนี้

ขณะที่ “ชัชชาติ” ดูเหมือนกระแสดี แต่สังเกตดี ๆ ในการสำรวจของโพล “ชัชชาติ” นำมาอย่างไรก็นำมาอย่างนั้น ไม่ขยับไปไหน เพราะฐานคะแนนของ “ชัชชาติ” นิ่งแล้ว ฐาน maximum มีอยู่แค่นี้ รอแค่เพียงจะสะวิงไปหาคนอื่นหรือเปล่า ไม่เพิ่มขึ้นกว่านี้ แต่คะแนนอาจจะลด

“สติธร” เตือนว่า “ชัชชาติ” ต้องระวัง ว่ากลุ่มที่อยู่กับ “ชัชชาติ” แน่ ๆ คือกลุ่มอายุต่ำกว่า 30 ปี ถ้าพรรคก้าวไกล (ซึ่งยังไม่เปิดตัวผู้สมัคร) ไม่แย่งไปมาก ก็ไม่ต้องไปเล่นอะไรกับคนกลุ่มนี้เยอะแล้ว มันทรง ๆ แล้ว คนกลุ่มนี้ไม่หนีไปไหน

แต่กลุ่ม 30-50 ปี พวกนี้มีโอกาสเปลี่ยนใจ เพราะวันนี้ทางเลือกมีแค่นี้ ดร.เอ้ ชัชชาติ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รสนา โตสิตระกูล ถ้าโพลมาถามก็อาจจะมองว่าชัชชาติอาจจะดูดีสุดในเวลานี้

“แต่วันหนึ่งถ้ามีตัวเลือกอื่นขึ้นมามีโอกาสเปลี่ยนใจเยอะ ดังนั้น คุณชัชชาติต้องเล่นกับคนกลุ่ม 30-50 สิ่งที่คุณชัชชาติกำลังทำได้คะแนนกลุ่มเด็ก กลุ่มต่ำ 35 ลงมา แต่กลุ่มนี้เป็นของตาย พูดกันตรง ๆ ไม่ต้องเล่นเยอะ สบาย ๆ โอกาสเปลี่ยนใจน้อยด้วย”

“แต่ถ้าเป็นพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย มีโอกาสเปลี่ยนใจ คุณชัชชาติต้องหาทางเล่นกับคนกลุ่มนี้”

หันกลับมามองที่ “สุชัชวีร์” ที่ตัดสินใจสลัดคราบอาจารย์มหาวิทยาลัย มาลงเล่นการเมืองในนามพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ตามเป้าหมายที่วางไว้ตั้งแต่ 30 ปีก่อนหรือไม่ แต่ก็ถือว่าเป็น “ใบเบิกทาง” ชั้นดีในการเข้าสู่เส้นทางการเมือง

สติธร วิเคราะห์ “สุชัชวีร์” ว่า เวลานี้ฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์มีแค่ 4 แสน แต่ถ้า ดร.เอ้ แพ้การเลือกตั้งที่ 8-9 แสนคะแนน ต้องถือว่ามีคะแนนที่ขึ้นมา 4-5 แสนหลัง เป็นคะแนนของ ดร.เอ้ ที่ไปดึงกระแสมา อาจจะสอบตกผู้ว่าฯ แต่เป็นแคนดิเดตนายกฯพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้

“ดร.เอ้” มองหลายโอกาส ทำไมถึงเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนหนึ่งเข้าไปพลังประชารัฐ เข้าไปเพียงแค่เป็นแคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม.

แต่ถ้าระยะยาว ยังไง “ประชาธิปัตย์” ก็คือ “ประชาธิปัตย์” วันนี้อาจจะตกต่ำ แต่วันที่กลับขึ้นมาก็มี คนเก่า คนแก่ก็โรยราแล้ว วันดีคืนดีเป็นเบอร์หนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ใน กทม.ก็พอแล้ว

“สนาม กทม.ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ลุ้น ต่อให้ไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ระยะยาวตุนอะไรไว้ในมือ ได้ต้นทุนการเมืองเต็มเลย” สติธรวิเคราะห์

อีกหนึ่งตัวเลือกที่ประมาทไม่ได้ เพราะอาจจะมาตัดคะแนน “ชัชชาติ-สุชัชวีร์” คือผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล

“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดสเป็ก ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในนามพรรค ที่เตรียมเปิดตัวในช่วงปลายเดือนมกราคม 2565 ดังนี้

ต้องมีความชำนาญที่หลากหลาย คอนเน็กชั่นที่หลากหลาย ในการบริหารเรื่องที่เกี่ยวกับเอกชน การบริหารคมนาคม การจัดการขยะ เทคโนโลยีดิจิทัล กล้อง CCTV ที่ทำให้เกิดความปลอดภัยใน กทม. ต้องมีคนที่รู้วิธีคิดแบบภาคเอกชน

ขณะเดียวกันต้องเข้าใจถึงกระทรวง ทบวง กรม ทั้งหลาย ทั้ง public side และ private side ที่ทำให้เกิดการประสานงานและเกิดการเปลี่ยนแปลงใน กทม.ได้

“ว่าที่ผู้สมัครของผมเป็นแบบนี้ มีทั้งประสบการณ์ด้านภาคเอกชน และภาครัฐ เคยผ่านการทำงานด้านบริษัท พอที่จะเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ รู้เรื่องคอขวดระบบการศึกษา เป็นว่าที่ผู้สมัครที่ตอบโจทย์การบริหารเมืองหลวง”

ส่วนอายุ “พิธา” บอกว่า “เป็นวัยร่วมสมัย”

“ไม่ได้อายุมากเกินไป น้อยเกินไป เข้าใจคนที่มาก่อนเขา และคนที่มาหลังเขา เชื่อมสอดประสานไม่ว่าคนรุ่นหลังหรือคนรุ่นก่อนเขาได้พอสมควร และไม่ใช่พี่สาวของคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”

ถึงเวลานั้น “ชัชชาติ-สุชัชวีร์” และผู้สมัครก้าวไกล ที่ยังเป็น “ปริศนา” ต้องขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด