ช่อ ยัน “ธนาธร” ไม่ได้แซงคิวฉีดวัคซีน โวยรัฐปล่อยข้อมูลหมอพร้อม

พรรณิการ์ วานิช
พรรณิการ์ วานิช

พรรณิการ์ วานิช ก้าวหน้า ยันธนาธรไม่ได้เป็น VIP ลัดคิวฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โวยไอโอรัฐบาลปล่อยข้อมูลหมอพร้อมใส่ร้ายทางการเมือง

วันที่ 10 มกราคม 2565 ที่อาคารอนาคตใหม่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกและกรรมการบริหารคณะก้าวหน้า กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ถูกวิจารณ์ว่าได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าอย่างไม่ถูกต้อง โดยเป็น “วัคซีน VIP” ว่า ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2564 รัฐบาลกำหนดให้วันดังกล่าวเป็นวันดีเดย์ฉีดวัคซีนแห่งชาติ มีการเปิดให้ลงทะเบียนออนไลน์หลายช่องทางล่วงหน้า

โดยเริ่มต้นฉีดวัคซีนให้กับชาวไทยทุกคนที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไปในวันที่ 7 มิถุนายน โดยเฉพาะในพื้นที่ระบาดสูง ได้แก่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพราะฉะนั้น ข้อกล่าวหาที่บอกว่า ตนและนายธนาธรแย่งวัคซีนคนแก่ จึงไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง

นอกจากนี้ นายธนาธรได้เดินทางเข้ารับวัคซีนเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 และตนเองได้รับวัคซีนเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2564 หากดูจากสถิติที่รวบรวมโดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์และนวัตกรรม ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2564 ระบุว่า ในจำนวนประชาชนทั้งหมดที่ได้รับวัคซีน 50% เป็นประชาชนทั่วไปในพื้นที่เสี่ยง ตามด้วยผู้สูงอายุ 20% และคนกลุ่ม 7 โรคเสี่ยง 7%

ส่วนสถิติรายจังหวัด ประชาชนในกรุงเทพฯ ได้รับวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว 45% ขณะที่สมุทรปราการฉีดไป 24% เพราะฉะนั้น คนที่ฉีดวัคซีนในเดือนกรกฎาคมจึงเป็นส่วนหนึ่งของประชาชนกลุ่มใหญ่ที่รับวัคซีนตามนโยบายของรัฐบาล จะเรียกว่าเป็นวีไอพี หรือแซงคิวใครไม่ได้

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ประการถัดมา คือเรื่องที่ถูกนำไปทำให้เข้าใจผิดมากที่สุดว่านายธนาธรวิจารณ์วัคซีนแอสตร้าฯ ทำไมถึงไปฉีดแอสตร้าฯนั้น นายธนาธรเป็นคนแรกที่บอกว่าวัคซีนคือทางออกเดียวของวิกฤตโควิด ประชาชนต้องได้วัคซีนเร็วที่สุด และคุณภาพดีที่สุด ไม่เคยมีสักคำเดียวที่บอกว่าวัคซีนไม่ดี หรือไม่ให้ประชาชนไปฉีดวัคซีน

การที่นายธนาธรออกมาทักท้วงการบริหารวัคซีนของรัฐบาล เพราะเชื่อว่าการแทงม้าตัวเดียว เสี่ยงกับแอสตร้าเซนเนก้ายี่ห้อเดียว ทำให้ประชาชนเสี่ยงเกินไป ได้วัคซีนช้าเกินไป นอกจากนี้ จะเห็นว่าธนาธร และ ส.ส. ของพรรคก้าวไกล ก็ช่วยสร้างความเข้าใจถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีน เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนไปฉีดวัคซีนมาโดยตลอด

และในวันนี้เวลาก็พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่นายธนาธรพูดเป็นจริง กว่าคนไทยจะได้ฉีดวัคซีน mRNA ก็ปลายปี 2564 ทำให้ไทยสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจมหาศาล ฟื้นตัวตามประเทศอื่นไม่ทัน ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าการบริโภคใช้จ่ายในประเทศ และการท่องเที่ยว จะกลับมาสู่ภาวะปกติ

ส่วนการปล่อยข้อมูลในแอปพลิเคชั่นหมอพร้อม ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของทั้งตนและนายธนาธร รวมถึงเพื่อน ส.ส. พรรคก้าวไกล เพื่อหวังผลทางการเมือง รวมถึงก่อนหน้านี้ที่มีการเปิดเผยข้อมูลจาก ตม. ถึงการเดินทาเข้าออกประเทศของนายธนาธรและนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า

ซึ่งการเปิดข้อมูลเหล่านี้ทำอย่างเป็นระบบผ่านขบวนการไอโอและสื่อมวลชนบางกลุ่ม ซึ่งข้อมูลจะออกมาไม่ได้เลยหากรัฐไม่ใช่ผู้ปล่อย หมายความว่าข้อมูลส่วนตัวของคนไทยในมือรัฐไม่ปลอดภัยเลย วันใดรัฐมองว่าคนไหนเป็นศัตรู ก็พร้อมเอาข้อมูลเหล่านี้มาเปิดเผยเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของบุคคลนั้น

“เรื่องนี้นอกจากจะผิดกฎหมายอย่างชัดเจน ยังอยากให้ประชาชนช่วยกันถามกลับไปยังรัฐบาลว่า ในช่วงเวลาที่ประเทศเผชิญปัญหารุมเร้ารอบด้านเช่นนี้ ควรหรือที่รัฐบาลจะหมกมุ่นใช้ทรัพยากรรัฐไปกับการใส่ร้ายป้ายสีทางการเมือง และขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณเป็นพิเศษในการเสพข่าวจากสื่อกลุ่มนี้ ที่บิดเบือนใส่ร้ายคนของคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกลซ้ำ ๆ ซาก ๆ มาโดยตลอด” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว