ครม.รับทราบ รถไฟจีน-ลาว ขนสินค้าสนั่น เพิ่มจาก 4 เป็น 14 ขบวนต่อวัน

แฟ้มภาพประกอบข่าว : Pixabay

ครม.รับทราบรถไฟจีน-ลาว ทำให้มูลค่านำเข้าส่งออกที่ด่านหนองคายเพิ่มขึ้น จาก 4 ขบวนเป็น 14 ขบวนต่อวัน และการขนส่งขบวนละ 12 โบกี้ เป็น 25 โบกี้

วันที่ 18 มกราคม 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการบูรณาการการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน ครั้งที่ 1/2565 ตามที่กระทรวงคมนาคม รายงานว่าที่ประชุมคณะกรรมการการเชื่อมโยงทางรถไฟฯ ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เป็นประธานเมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2565 ได้เห็นชอบแผนการก่อสร้างของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ประกอบด้วย

โครงการรถไฟความเร็วสูงระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2569 ระยะที่ 2 นครราชสีมา-หนองคาย ปัจจุบันอยู่ระหว่างสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พิจารณารายงานการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยคาดว่าจะเสนอต่อ ครม.ภายในปี 2565 และเปิดให้บริการได้ในปี 2571 และโครงการถไฟทางคู่ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอเสนอ ครม. ภายในเดือน ม.ค. และคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2569

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า ประเด็นต่อมาที่ได้มีการเห็นชอบ คือ การบริหารจัดการใช้ทางรถไฟและการใช้สะพานข้ามแม่น้ำโขง ในส่วนของการบริหารจัดการสะพานเดิมระหว่างรอกการก่อสร้างสะพานแห่งใหม่ เพิ่มขบวนรถขาไป 7 ขบวน และขากลับ 7 ขบวน รวม 14 ขบวนต่อวัน รองรับสินค้าขบวนละ 25 โบกี้ ส่วนการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ จะก่อสร้างใกล้กับสะพานเดิมอยู่แห่างออกไปประมาณ 30 เมตร มีทั้งรางรถไฟขนาดมาตรฐานและทางขนาด 1 เมตร ปัจจุบันได้ข้อตกลงว่าไทยและลาวจะร่วมลงทุนค่าใช้จ่ายร่วมกันในอาณาเขตของแต่ละฝ่าย และให้เร่งการจัดประชุมไตรภาคีเพื่อหารือแนวทางเชื่อมโยงทางรถไฟ ในเดือน ม.ค. 2565

ทั้งนี้ ได้เห็นชอบการพัฒนาย่านขนถ่ายสินค้าฝั่งไทย-ลาว เพื่อเชื่อมต่ออย่างไร้รอยต่อในการขนสินค้าข้ามแดนผ่านทางรถไฟช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ ทั้งระยะเร่งด่วนและระยะยาว

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการเชื่อมโยงทางรถไฟฯ ยังได้เห็นชอบในหลักการการกำกับติดตามเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมทางหลวงชนบทเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่ตรวจปล่อยสินค้า

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เกี่ยวกับการลงนามในพิธีสารต่าง ๆ ระหว่างไทย-จีน การอบรมพัฒนาบุคลากร การเตรียมพื้นที่ด่าน สิ่งอำนวยความสะดวกในการกักกันและตรวจปล่อยสินค้าเกษตรทั้งขาเข้าและออก กรมศุลกากร ในส่วนโครงการระบบตรวจสอบ Mobile X-Ray

กระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูลการพัฒนาในฝั่งลาวเพื่อการแลกเปลี่ยนและบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับไทย กระทรวงอุตสาหกรรม ในส่วนของการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอุดรธานีและศูนย์กระจายสินค้าทางรางเพื่อรองรับรถไฟจากจีนและลาว

นอกจากนี้ ได้มีการเห็นชอบในหลักการจัดทำความตกลง (Framework Agreement) การขนส่งทางรถไฟระหว่างไทย-ลาว และจีน โดยมีสาระสำคัญในการกำหนดสิทธิการเดินทางรถไฟระหว่าง 3 ประเทศ เพื่อให้เกิดการเดินรถไฟอย่างมีประสิทธิภาพ

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า กระทรวงคมนาคมยังได้รายงานให้ทราบถึงสถานะการค้าและการขนส่งภายหลังรถไฟจีน-ลาว เปิดให้บริการ เปรียบเทียบสถิติการส่งออกสินค้าผ่านชายแดนหนองคายในช่วงเดือน ธ.ค. 2563 กับช่วง ธ.ค. 2564 พบว่าปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้นจาก 116,552 ตัน เป็น 304,119 ตัน


ขณะที่มูลค่าเพิ่มขึ้น 4.64 พันล้านบาท เป็น 6.91 พันล้านบาท มูลค่านำเข้าส่งออกที่ด่านหนองคายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มีการเพิ่มรถไฟจาก 4 ขบวนเป็น 14 ขบวนต่อวัน และการขนส่งขบวนละ 12 โบกี้ เป็น 25 โบกี้ ซึ่งสามารถมีศักยภาพเพิ่มขึ้นประมาณ 8 เท่า แต่ปริมาณการขนส่งยังไม่มากนักเนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19