ประยุทธ์ลั่น พร้อมแล้ว เป็นห่วงโซ่อุปทานโลก เปิดประเทศเต็มรูปแบบ

ประยุทธ์

ประยุทธ์ เผย ไม่ได้มาประชุมเฉยๆ ชี้ 3 โอกาสไทย บนเวทีสุดยอดอาเซียน-สหรัฐ ลั่น พร้อมแล้วที่จะเป็นหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานของโลก เข้าสู่การเปิดประเทศเต็มรูปแบบ เตรียมแถลงความสำเร็จหลังกลับแผ่นดินแม่

วันที่ 11 พฤษภาคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกท่านครับ

วันนี้ (11 พ.ค.65) ผมมีภารกิจสำคัญ ในการเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐ สมัยพิเศษ ระหว่างวันที่ 12-13 พ.ค. 65 ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐ ที่เริ่มต้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2520 และได้ยกระดับเป็น “หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์” เมื่อปี 2558

โดยทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมืออย่างครอบคลุมทั้ง 3 เสาของประชาคมอาเซียน ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม เพื่อสนับสนุนการบูรณาการและการพัฒนา ในภูมิภาคให้ก้าวหน้า

ทั้งนี้ สหรัฐ ถือเป็นคู่ค้าทางด้านเศรษฐกิจที่สำคัญเป็นอันดับ 2 และเป็นแหล่งเงินทุนอันดับ 1 ของอาเซียน ในขณะที่ความสำคัญของอาเซียนเอง ถือว่ามีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 5 ของโลก โดยในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 สหรัฐ ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศสมาชิกอาเซียน รวมเป็นเงินมากกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งบริจาควัคซีนให้แก่ประเทศในภูมิภาคกว่า 91 ล้านโดส

นอกจากกรอบการประชุมอาเซียน-สหรัฐดังกล่าวแล้ว การเยือนสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ ยังเป็นโอกาสสำคัญอีกอย่างน้อย 3 ประการ ได้แก่

1.การพบหารือกับผู้นำและผู้แทนระดับสูงของสหรัฐทั้งประธานาธิบดีและผู้แทนระดับสูงอื่นๆ เพื่อผลักดันความร่วมมือการขับเคลื่อนการฟื้นฟู และการเติบโตอย่างยั่งยืนของภูมิภาค ตลอดจนขับเคลื่อนการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค 2022 ของไทย ที่นำเสนอโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งสามารถทำอย่างต่อเนื่อง ช่วงวาระการเป็นเจ้าภาพของสหรัฐ ในปี 2023 อีกด้วย ซึ่งในข้อนี้เป็นวาระของเอเปค ในฐานะที่ไทยเป็นเจ้าภาพในปัจจุบัน

2.การพบปะสร้างความเชื่อมั่นกับภาคเอกชนสหรัฐถึงความพร้อมของไทย ในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเราพร้อมเป็นหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานที่เข้มแข็งกับภาคเอกชนสหรัฐ ทั้งเศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาที่ยั่งยืน พลังงานสะอาด และยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งในข้อนี้ เป็นวาระของประเทศไทยต่อเวทีโลก ในเรื่องขยายความสัมพันธ์ทางการค้า การลงทุน ในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ตามแผนยุทธศาสตร์ของไทย

3.และที่สำคัญคือ การที่ผมจะได้มีโอกาสย้ำต่อผู้นำประเทศชั้นนำของโลก ว่าประเทศไทยได้เข้าสู่การ “เปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ” สำหรับทั้งการเดินทางมาท่องเที่ยว ติดต่อธุรกิจ ประชุม การแพทย์ หรืออื่นๆ ในแบบ Next Normal ที่ไทยเป็นต้นแบบระดับโลก จากความสำเร็จในการจัดการควบคุมสถานการณ์โควิดได้สำเร็จ

หลังจากเราได้คลายล็อกระบบ “เทสต์แอนด์โก” ตั้งแต่ 1 พ.ค. 65 ที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางหลั่งไหลเข้าประเทศไทยแล้ว มากกว่า 3 แสนคน ในช่วงสัปดาห์เดียว และคาดการณ์ว่าช่วงเดือน พ.ค.-ก.ย. 65 ก็จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยเดินทางเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าเดือนละ 3 แสนคน ซึ่งเป็นไปได้ว่าช่วง High Season ปลายปีนี้ เดือน ต.ค.-ธ.ค. จะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เดินทางมาเยือนบ้านเรา ประมาณไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ล้านคน

การมาเยือนสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ จึงมิได้มีนัยยะเพียงแค่การประชุมเท่านั้น แต่เป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทย ในการเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ฟื้นฟูประเทศไทยอย่างยั่งยืน ไปพร้อมกับอาเซียน และประชาคมโลก เป็นก้าวสำคัญของไทยในการที่จะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในประเทศชั้นนำในยุคหลังโควิด-19 ซึ่งผมจะได้แถลงถึงความสำเร็จของการเดินทางในครั้งนี้ให้พี่น้องประชาชนทราบเมื่อกลับถึงประเทศไทยครับ