พลังประชารัฐ หลีกทาง พรรคธรรมนัส ประเดิมเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง

พลังประชารัฐ หลีกทาง เศรษฐกิจไทย

ภายหลังศาลฏีกาแผนกคดีเลือกตั้งมีคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ ลต สส 1/2565 เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2565 ให้มีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.จังหวัดลำปาง เขต 4 ใหม่ แทนนายวัฒนา สิทธิวัง พรรคเศรษฐกิจไทย เพราะการเลือกตั้งไม่สุจริต

เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2565 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำปาง เขตเลือกตั้งที่ 4 แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. …. ภายใน 45 วัน
ตามร่างแผนการจัดการเลือกตั้ง

คาดว่า กกต. จะประกาศกำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 14 มิ.ย. 2565 จากนั้นเปิดรับสมัคร ระหว่างวันที่ 16 – 20 มิ.ย. 2565 ประกาศรายชื่อผู้สมัครวันที่ 27 มิ.ย. 2565 คาดว่าจะจัดการเลือกตั้งวันที่ 10 ก.ค. 2565

เลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง เขต 4 นับเป็น “ครั้งที่สอง” หลังจากนายอิทธิรัตน์ จันทรสุรินทร์ เสียชีวิต ด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือด

ผลการเลือกตั้ง ส.ส.ลำปาง เขต 4 เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2562 อันดับ 1 อิทธิรัตน์ สังกัดพรรคเพื่อไทย 42,984 คะแนน อันดับสอง วัฒนา พรรคพลังประชารัฐ 30,368 คะแนน อันดับสาม พิมดารา ศิริสลุง อนาคตใหม่ 26,471 คะแนน

อันดับสี่ สุนี สมมี ภูมิใจไทย 4,243 คะแนน อันดับห้า ญาณวรุตม์ ธรรมชาติ ประชาธิปัตย์ 2,469 คะแนน อันดับหก ร.ต.ท.สมบูรณ์ กล้าผจญ เสรีรวมไทย 2,466 คะแนน

แหล่งข่าวระดับสูงพลังประชารัฐ (พปชร.) พรรคต้นสังกัดเดิมของนายวัฒนา ระบุว่า พปชร.จะไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง เขต 4 เพราะเป็นพื้นที่ของพรรคเศรษฐกิจไทย

ขณะที่พรรคเศรษฐกิจไทยจะส่งนายวัฒนา ลงแก้มือเป็นครั้งที่สอง

เป็นการ นำทัพ ถือธง เลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง เขต 4 ของ ผู้กองธรรมนัส – ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รักษาการเลขาธิการพรรคที่เตรียมจะผงาดเป็น หัวหน้าพรรคครั้งแรก โดยจะเกิดขึ้นหลังจากประชุมใหญ่พรรคเศรษฐกิจไทยในวันที่ 7 มิ.ย.65

การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง เขต 4 ครั้งแรก เป็นนายวัฒนา ซึ่งขณะนั้นยังเป็นผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ในนามพรรคพลังประชารัฐ ได้คะแนนเป็นอันดับ 1 ได้คะแนน 61,811 คะแนน ซึ่งได้คะแนนมากกว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 62 ถึง 1 เท่าตัว

ส่วนอันดับสอง ตกเป็นของ ร.ต.ท.สมบูรณ์ กล้าผจญ ผู้สมัครจากพรรคเสรีรวมไทย ได้คะแนน 38,048 คะแนน ซึ่งได้คะแนนมากกว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 62 เช่นเดียวกัน (ครั้งแรก 2,466 คะแนน)

นอกจากกระแส-กระสุนของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์-พรรคพลังประชารัฐ ที่มี บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งขณะนั้นนั่งเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค และเตรียมที่จะขึ้นกุมบังเหียนหัวหน้าพรรคคนใหม่

มี “ผู้กองธรรมนัส” ซึ่งขณะนั้นยังสวมหมวกประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือพรรคพลังประชารัฐ ควบเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังมี “อำนาจเต็มมือ”

จุดพลิกผันการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง เขต 4 ครั้งแรก คือ พรรคเพื่อไทยเกิด “ผิดคิว” ไม่ส่ง “พินิจ จันทรสุรินทร์” บิดา “อิทธิรัตน์ จันทรสุรินทร์” ใน “นาทีสุดท้าย”

ว่ากันว่า เพราะนายพินิจต้องการลงสมัครรับเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ลำปางมากกว่า ท่ามกลางกระแสดรามา เป็นการ “ฮั้ว” กับพรรคพลังประชารัฐเพื่อ “หลีกทาง” ไม่ส่งลงสนามเลือกตั้งนายกอบจ.ลำปาง แข่งกับนายพินิจ

ทว่า ปม “ดีลลับ” เกี๊ยะเซียะ กับพรรคพลังประชารัฐ ต้องเป็นอันปัดตกไป เนื่องจากภายหลัง นายพินิจ ไม่ได้ลงสมัครนายกอบจ.ลำปาง

และคนที่ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกอบจ.ลำปาง คือ “ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร” อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และเป็น “บุตรสาว” ของนายไพโรจน์ โลห์สุนทร อดีต ส.ส.ลำปางหลายสมัย
โดยน.ส.ตวงรัตน์ ได้คะแนนจากชาวลำปางถล่มทลายกว่า 2 แสนคะแนน

คาดกันว่า เหตุผลที่นายพินิจ เทพรรคเพื่อไทย “กลางอากาศ” เพราะ “ไหวตัวทัน” ว่า พรรคเพื่อไทยอาจจะไม่หนุนหลังส่งลงสมัครนายกอบจ.

เลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง เขต 4 ครั้งแรก นายสิทธิวัง ชนะเลือกตั้ง รับขวัญ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนใหม่ แทนกลุ่มสี่กุมาร

เลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง เขต 4 ครั้งที่สอง นายสิทธิวัง จะชนะเลือกตั้ง ประเดิมผลงานชิ้นแรก ในฐานะที่ ผู้กองธรรมนัส กำลังจะผงาดขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทยหรือไม่

หลังจากเขี่ย บิ๊กน้อย พล.อ.วิชชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ตกจากเก้าอี้หัวหน้าพรรค แบบไม่ไว้หน้ารุ่นพี่เตรียมทหาร

วันที่ ร.อ.ธรรมนัส ไม่มี บิ๊กป้อม พี่ใหญ่ เป็นลมใต้ปีก