อินไซด์ ชิงเก้าอี้ กมธ.งบประมาณ 2566 ธรรมนัส เบียดโควตาพรรคร่วมหลุดโผ

งบประมาณ 2566

 

การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2566 วงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท วาระแรก ทิ้งทวนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จบลงจืดสนิท

ทว่าจะกลับมามีรสชาติเข้มข้น-เผ็ดร้อนใน “ยกที่สอง” คือ การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี พ.ศ. 2566

เบื้องหลังการจัดสรรโควตาเก้าอี้ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี’66 จำนวน 64 คน ของแต่ละพรรคการเมือง จึงต้องลับ-ลวง-พราง ป้องกันการวิ่งเต้น-ล็อบบี้อุตลุด จนต้อง เพิ่มโควตา จาก 64 คน เป็น 72 คน

“นิโรธ สุนทรเลขา” ประธานวิปรัฐบาล ออกอาการหนักอก-เหนื่อยใจ ก่อนรายชื่อ กมธ.วิสามัญจะถึงมือ-ไฟนอลว่า “ยังตีลังกา ปวดหัวกันอยู่เลย คนอยากเป็นกันเยอะ” พร้อมกับเล่าเบื้องหลังการกรองรายชื่อว่า

แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มคุณสมบัติ กลุ่มที่ 1 เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในเรื่องการจัดทำงบประมาณ มีความชำนาญ-มีประสบการณ์ กลุ่มที่ 2 เป็นผู้ที่รู้ในด้านกฎหมาย-ระเบียบ และกลุ่มที่ 3 เป็น ส.ส.ใหม่ ที่มีความรู้ที่จะเข้ามาศึกษา-ต่อยอดในอนาคต เป็นกำลังให้กับพรรคพลังประชารัฐต่อไป

“ทั้ง 3 กลุ่ม มีผู้ที่ผ่านคุณสมบัติจำนวนมากเกินกว่าโควตาที่ได้รับ จึงต้องค่อย ๆ เกลี่ย ค่อย ๆ คัด”

ความต้องการของผู้ที่ผ่านคุณสมบัติ-เข้ามาเป็น กมธ.วิสามัญพิจารณางบฯปี’66 จำนวนมาก ทำให้แต่ละพรรค “จัดไม่ลงตัว” ส่งผลให้ต้อง “เพิ่มโควตา” จาก 64 คน เป็น 72 คน หรือเพิ่มขึ้นมา 8 คน

โดยสัดส่วนคณะรัฐมนตรี (ครม.) จากเดิม 16 คน เป็น 18 คน พรรคพลังประชารัฐจากเดิม 10 คน เป็น 11 คน พรรคเพื่อไทยจากเดิม 13 คน เป็น 15 คน พรรคภูมิใจไทยจากเดิม 6 คน เป็น 8 คน พรรคประชาธิปัตย์ จากเดิม 6 คน เป็น 7 คน

โควตาหลัก-สัดส่วน ครม. “ลงตัว” ตั้งแต่ ครม.มีมติตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี’66 จำนวน 64 คน เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 โดยมี 4 ตัวหลัก ประกอบด้วย

1.นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง 2.นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง 3.นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง และ 4.นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ

ส่วน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี’66 ที่เพิ่มมาจาก 12 คน เป็น 14 คน มาจากพรรคร่วมรัฐบาลมา “เฉลี่ยกัน” โดยไม่จำเป็นต้องรัฐมนตรี-เป็นคนนอกก็ได้

นอกจากนี้ พรรคเศรษฐกิจไทย ของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ยังแผลงฤทธิ์ส่ง “ไผ่ ลิกค์” ส.ส.กำแพงเพชร มือขวา มานั่งในสัดส่วนของ ครม.

จึงมีคนอยู่ใน กมธ.วิสามัญพิจารณางบฯปี’66 เป็น 2+1 รวม 3 คน

อย่างไรก็ตาม “คนนอก” ที่นอนมา “ทุกโผ” ทุกการจัดทำปีงบประมาณ ที่ต้องมานั่งใน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี’66 คือ “วราเทพ รัตนากร” อดีต รมช.คลัง ยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ที่มาในสัดส่วน ครม.

โควตา ครม.-สัดส่วนพรรคร่วมรัฐบาล จำนวน 14 คน ที่มี “นิโรธ สุนทรเลขา” ประธานวิปรัฐบาล เป็นผู้รวบรวมรายชื่อ ขณะที่โควตาพลังประชารัฐ จำนวน 10 คน มีนายสันติ ในฐานะเลขาธิการพรรค-แม่บ้านพลังประชารัฐ เป็นผู้จัดสรร

แกนนำพลังประชารัฐรุ่นเก๋าระบุว่า ในส่วนของจำนวนตัวเลขที่แต่ละพรรคจะได้ในโควตา ครม.-สัดส่วนพรรคร่วมรัฐบาล “ลงตัว” ได้ไม่ยาก เหลือแต่เพียง “รายชื่อ” ที่แต่ละพรรคส่งกลับเข้ามา ซึ่งมีทั้งคนนอก-คนในที่จะมากินส่วนแบ่งในสัดส่วนโควตา ครม.

“ส่วนใหญ่คนนอกก็เป็นคนทำงาน ไม่มีมาเอาหน้าเอาตา เป็นคนมีประสบการณ์เคยทำงบฯมาก่อน หรือเป็นคนที่อยู่ในแวดวงการเมืองจริง ๆ หลุดจากนี้ไปไม่ได้ ต้องเป็นคนทำงาน ไม่เอาคนที่มาอยู่ใน กมธ.เท่ ๆ แน่นอน”

แกนนำพลังประชารัฐรายเดิมเล่าประสบการณ์กระบวนการขั้นตอนในการ “คัดตัว” วิธี “คัดออก” ในการเข้ามานั่งใน กมธ.งบฯปี’66 ว่า มีระบบอยู่แล้ว เช่น “ใครเคยเป็น ไม่เคยเป็น” สำหรับ “คนใน” ที่ “เคยเป็น” อาจจะมีการปรับเปลี่ยน-หมุนเวียน หรืออาจจะได้กลับมาเป็นอีกก็ได้

แกนนำประชาธิปัตย์ในวิปรัฐบาลรายหนึ่งเปิดเผยก่อนที่ประชาธิปัตย์จะได้โควตาเพิ่ม จากเดิม 5+1 คือ สัดส่วน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล 5 คน และสัดส่วน ครม.อีก 1 คน เป็น 6+1 คน ถึง “โควตาคนนอก” ของพรรค ว่า “คนในก็แย่งกันจะตายอยู่แล้ว”

กว่า “โพย” ที่ถูกเขียนชื่อโควตาของประชาธิปัตย์ที่ “เกินโควตา” กว่าจะ “สะเด็ดน้ำ” ต้องรอจน “วินาทีสุดท้าย” จนกว่าจะมีการลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2566 จนกว่าจะประกาศรายชื่อ กมธ.ในสภา

ยิ่งพรรคประชาธิปัตย์มีความเป็นประชาธิปไตยสูง ทุกการตัดสินใจต้องมีการอภิปราย-ลงมติ ภาพที่ออกมาภายนอกจึง “ฝุ่นตลบ”

ช่วงสุญญากาศ “คนบริหารจัดการ” ภายในของประชาธิปัตย์ ก่อนประกาศรายชื่อ กมธ.งบฯ 64 คน จึง “ไม่มีใครบอกใคร” ว่า พรรคจะส่งใครมานั่งเป็น กมธ.งบฯปี’66 เพราะหาก “โผหลุด” จะเกิดการล็อบบี้ข้ามโควตา-ข้ามหัวกันได้

ฟากฝั่งใน กมธ.งบประมาณของฝ่ายค้าน ที่มีโควตา ส.ส.เพียงพอที่จะได้กรรมาธิการ สัดส่วน ส.ส. 7 คน ต่อ 1 ที่นั่ง พรรคอื่นไม่มีปัญหา เว้นแต่พรรคเพื่อไทย ที่เปลี่ยนจากระบบเดิมที่ให้ ส.ส.แต่ละภาค ประชุมกันแล้วเลือกตัวแทนมาเป็น กมธ. แต่คราวนี้มีการจัดการภายในใหม่

โดยมี “เฮียเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล แกนนำพรรคเพื่อไทย ภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค-ผู้นำฝ่ายค้าน “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรค ผู้นำฝ่ายค้าน “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” เลขาธิการพรรค ชัยเกษม นิติศิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค และแกนนำจำนวนหนึ่ง ร่วมกัน “คัดตัว” ผู้มาเป็นกรรมาธิการ

สาเหตุที่ปรับกระบวนการ เนื่องจากต้องการมืองบประมาณที่เก๋าเกมงบประมาณ มาประจำการในงบประมาณปีสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง หากให้ ส.ส.แต่ละภาคประชุมกัน อาจส่ง “มืออ่อน” ลงมาประจำการ อาจเสียของ แต่ก็อาจแลกมาด้วยความขัดแย้งในพรรคอีกหน

สำหรับ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี’66 จำนวน 64 คน ที่แบ่งออกเป็นก่อนหน้าที่จะมีการ “เพิ่มโควตา” ดังนี้ สัดส่วนจาก ครม.จำนวน 16 คน ได้แก่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และมาจากพรรคร่วมรัฐบาล จำนวน 12 คน

สัดส่วนจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเลือก จำนวน 48 คน ประกอบด้วย ฝ่ายรัฐบาล จำนวน 27 คน ได้แก่ พลังประชารัฐ 10 คน ภูมิใจไทย 6 คน ประชาธิปัตย์ 5 คน เศรษฐกิจไทย 2 คน ชาติไทยพัฒนา 1 คน เศรษฐกิจใหม่ 1 คน รวมพลังประชาชาติไทย 1 คน พลังท้องถิ่นไท 1 คน

ฟากฝ่ายค้าน จำนวน 21 คน ได้แก่ พรรคเพื่อไทย 13 คน ก้าวไกล 5 คน เสรีรวมไทย 1 คน เพื่อชาติ 1 คน ประชาชาติ 1 คน

เก้าอี้ กมธ.วิสามัญพิจารณางบฯปี’66 ที่เข้มข้นที่สุด ทิ้งทวนการจัดทำงบประมาณแผ่นดินปีสุดท้าย