วิษณุ ชี้ คะแนนไม่ไว้วางใจ 238 เสียงถือว่าสอบผ่าน

วิษณุ ไม่หวั่น รัฐมนตรีถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เล่าเกร็ดการเมืองสมัยรัฐบาลหลวงธำรง ถูกซักฟอกทั้งคณะ 7 วัน 7 คืน ชี้ คะแนนไม่ไว้วางใจ 238 คะแนนถือว่าสอบผ่าน – 239 คะแนนสอบตก กินบ๊วย ไม่เคยมีมารยาทต้องแสดงความรับผิดชอบ

วันที่ 18 กรกฎาคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังหารือกับรัฐมนตรีที่มีชื่อถูกยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 หลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เสร็จสิ้นเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง ว่า ไม่มีอะไร ถ่วงเวลารอกินข้าวมันไก่ เพราะการประชุม ครม.เลิกเร็ว สั่งอาหารกันไว้แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐมนตรีที่ถูกยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจมีใครขอคำปรึกษาหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มี

เมื่อถามย้ำว่า ดูบรรยากาศเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด นายวิษณุกล่าวปฏิเสธว่า ไม่จริง สนุกสนาน ไม่มีอะไร ปกติ ไม่ได้พูดอะไรเรื่องการอภิปราย เพราะไม่รู้จะพูดอะไร

เมื่อถามว่า รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายขอคำปรึกษาด้านกฎหมายเป็นพิเศษหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มี ตนเล่าอะไรบางอย่างให้ฟังเท่านั้น ว่าสมัยก่อน สมัยรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา รัฐบาล นายชวน หลีกภัย รัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร มันเกิดอะไรขึ้นและเป็นยังไงเท่านั้นเอง อภิปรายตอนนั้นบรรยากาศมันเป็นอย่างไร เล่าให้ฟังสนุก ๆ ว่าหลายคนท่านไม่ได้อยู่ในรัฐบาลตอนนั้น เช่น นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส

เมื่อถามว่า ถ้าเทียบกันกับการอภิปรายครั้งนี้กับการอภิปรายครั้งก่อน ๆ ครั้งนี้ถือว่าเบาบางกว่าครั้งก่อนหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า บอกไม่ถูกว่ามันเบาบาง หรือ มันหนัก มันธรรมดาอ่ะ เพียงแต่คนมันเยอะเท่านั้นเอง 11 คน เราดูว่าเยอะ แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรเพราะว่าการอภิปรายทั้งคณะเลยก็มีมาแล้ว

“ผมก็เล่าให้ฟังตั้งแต่สมัยคุณหลวงธำรง (พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์) ถูกอภิปรายทั้งคณะ 7 วัน 7 คืน ถ่ายทอดสดด้วย หลายท่านเกิดไม่ทันก็ฟังกันเล่น ๆ สนุกดี” นายวิษณุกล่าว

เมื่อถามว่า เป็นการปลุกใจรัฐมนตรีก่อนถึงวันอภิปรายในวันพรุ่งนี้ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ได้เจตนาหวังผลอะไร เล่าให้ฟังเท่านั้น

เมื่อถามย้ำว่า เป็นเพราะรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายหวั่นไหว นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มี หวั่นไหวหรือไม่ผมไม่รู้ เพราะท่านเป็นผู้ถูกอภิปราย แต่ตนเป็นผู้ที่อดไม่ได้ก็เลยเล่าให้ฟัง ไม่ได้หวั่นไหวอะไร ตนอยากเล่าเท่านั้น

เมื่อถามว่า มีการประเมินหรือคาดการณ์สถานการณ์ทางการเมืองในอนาคตที่จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มี คนอื่นอาจจะทำนะ ตนไม่รู้ แต่ตนไม่ได้ทำ เพราะตนก็คาดไม่ถูก

เมื่อถามว่า มีข้อห่วงใยอะไรหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มี ถ้าจะห่วงมีอยู่นิดเดียวเท่านั้น ว่า อภิปราย 11 คน ในระยะเวลา 4 วัน และถ้าเรื่องมันเยอะ จะตอบกันได้คนละนิดเดียวและพรรคฝ่ายค้านก็วางแผนไว้อยู่แล้วว่า อภิปรายไปจนถึงเที่ยงคืนครึ่ง

ถ้าใครไม่ได้ตอบอะไรก็ไปตอบกันตอนเที่ยงคืนครึ่ง ถึงตีหนึ่งครึ่ง ก็ไม่รู้จะมีใครตื่นนอนฟังอยู่หรือเปล่า ตนคนหนึ่งไม่ฟัง ตนนอน เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าจะกังวลหน่อยก็คือการบริหารเวลา ทั้งจากฝ่ายค้านและจากฝ่ายรัฐบาลซึ่งจะบริหารงานยากหน่อย

เมื่อถามว่า การวางคิวอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมเป็นคนสุดท้ายเป็นเทคติกอะไรของฝ่ายค้านหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ข้อที่ 1 ตนไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่วันนี้เขาตกลงกัน ได้ความอย่างไรไม่รู้ ข้อที่ 2 ถ้าหากจะเรียงลำดับอภิปรายนายกรัฐมนตรีคนสุดท้าย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร เป็นเรื่องปกติที่จะทำ ถ้าตนเป็นฝ่ายค้านก็จะทำอย่างนั้นเหมือนกัน

เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านคนเดียวสามารถอภิปรายรัฐมนตรีหลายคนได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ฝ่ายค้าน 1 คน สามารถอภิปรายรัฐมนตรีหลายคนได้ ไม่ได้แปลกอะไร ดูดี มีระเบียบ

เมื่อถามว่า รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายต้องจัดระเบียบอะไรหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ได้เตรียมเวลาให้กับรัฐมนตรีตอบคนละ 1 ชั่วโมง สำหรับนายกรัฐมนตรี 5 ชั่วโมง แต่ถ้ารัฐมนตรีคนไหนตอบมากกว่า 1 ชั่วโมง ให้ไปตอบในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนไปแล้ว หรือ ตอบนอกสภา ดังนั้น จึงเป็นห่วงในเรื่องการบริหารเวลา

เมื่อถามว่า รัฐบาลห่วงเรื่องเสียงปริ่มน้ำหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ตนไม่เห็นมีใครห่วง ใช้คะแนนเสียงไม่ไว้วางใจเกินกึ่งหนึ่ง คือ 239 คะแนนขึ้นไปโหวตไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีคนนั้นสอบตก ถ้า 238 คะแนนก็ถือว่าสอบผ่าน ส่วนคะแนนเสียงไว้วางใจจะมีเท่าไหร่นั้น ในทางกฎหมายไม่ได้เป็นสาระสำคัญ อาจจะงดออกเสียงเป็นร้อย ๆ เลยก็ได้ แต่ในความรู้สึกของสื่อมวลชนและประชาชนจะไปจับเอาคะแนนไว้วางใจว่ามีเท่าไหร่แล้วเอามาเทียบมากน้อยกว่ากัน ในทางกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ไม่ได้ให้เทียบอย่างนั้น

“รัฐมนตรีจะพ้นจากตำแหน่งก็ต่อเมื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจและได้รับคะแนนไม่ไว้วางใจเกินกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาที่มีอยู่ วันนี้สภามี 477 เสียง กึ่งหนึ่งก็คือ 238 ครึ่ง แต่ทีนี้ต้องมากกว่ากึ่ง มันก็เลยต้องปัดเป็น 239 คะแนน ทีนี้ก็ต้องไปดูกันเองแล้วว่า คะแนนเสียงฝ่ายค้านจะมีเท่าไหร่ ตรงนี้เป็นเทคนิคของฝ่ายการเมือง” นายวิษณุกล่าว

นายวิษณุกล่าวว่า เราก็รู้ว่าคะแนนของฝ่ายค้านมีอยู่ 200 กว่าเสียง 207 คะแนน บางคนบอกว่ามีฝากเลี้ยง งูเห่า ตนไม่รู้

เมื่อถามว่า เสียงงูเห่า หากกลัวต้นสังกัดก็ใช้วิธีไม่มาประชุมสภา หรือ งดออกเสียงก็ได้ ก็ถือว่าเป็นการช่วยรัฐบาล นายวิษณุกล่าวว่า ใช่ หรือรัฐบาลเองอาจจะงดออกเสียงก็ได้ สำหรับรัฐมนตรีบางคน แต่นั่นไม่สำคัญ สำคัญตรงคะแนน 239 เสียง

เมื่อถามว่า รัฐมนตรีแต่ละคนได้คะแนนไม่เท่ากันก็ได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มีอะไรผิดบาป เพียงแต่ทำให้รู้สึกเสียเครดิต เสียรังวัดไปนิดหน่อย ว่า คนนั้นได้คะแนนไว้วางใจมากกว่าคนนี้ เป็นเรื่องธรรมดา ไม่เห็นต้องถือสา อภิปรายกันมาแล้ว 3 ครั้งแล้วในรัฐบาลนี้ และคะแนนเสียงไว้วางใจก็ไม่ได้เท่ากัน ก็ไม่ได้มีปัญหา อยู่ไปครบ 7 วันก็ลืมไปหมดแล้ว

เมื่อถามว่า ถ้ารัฐมนตรีคนใดได้รับเสียงไม่ไว้วางใจสูงจะต้องแสดงความรับผิดชอบอะไรหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า คะแนนไม่ไว้วางใจสูงแต่ไม่ถึง 239 คะแนนใช่ไหม

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า โดยมารยาทไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มีมารยาทในเรื่องนี้

เมื่อถามว่า ถ้ารัฐมนตรีคนนั้น คือ นายกรัฐมนตรี นายวิษณุกล่าวว่า ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

เมื่อถามย้ำว่าจะต้องแสดงความรับผิดชอบอะไรหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มี ไม่มีในทางกฎหมาย แต่มารยาททางการเมืองก็ไม่เคยมีมารยาทอะไรในเรื่องนี้

เมื่อถามว่า บ๊วยก็บ๊วยไป นายวิษณุกล่าวว่า อ่า ก็ผ่านไป คะแนนไม่ไว้วางใจไม่ถึง 239 คะแนน ก็อยู่ไป

เมื่อถามว่า คิดว่านายกรัฐมนตรีจะเครียดหรือไม่ถ้าได้คะแนนบ๊วย นายวิษณุกล่าวว่า ไม่รู้

เมื่อถามว่า จะสง่างามหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า อย่าสมมุติเลย เดี๋ยววันเสาร์ 10 โมงเช้าก็รู้แล้ว

เมื่อถามว่า รัฐมนตรีคนอื่นจะต้องเตรียมตัวอย่างไรหรือไม่หากถูกอภิปรายพาดพิง นายวิษณุกล่าวว่า ถ้ารัฐมนตรีคนอื่นถูกอภิปรายพาดพิงคนนั้นก็ต้องลุกขึ้นตอบ ไม่งั้นปล่อยให้ด่าฟรีได้ยังไง

“อยู่ดี ๆ ไปวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนโยบายพลังงานโดยซ่อนอยู่ในหัวข้ออภิปรายนายกฯ นายกฯก็ต้องให้ท่านสุพัฒนพงษ์ (พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน) ตอบ เพราะนายกฯตอบไม่ถูก หรือ พล.อ.ชาญชัย (ช้างมงคล รมช.กลาโหม) ถ้าพูดถึงเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ รมว.กลาโหมก็ต้องมอบให้ รมช.กลาโหมตอบ ซึ่งก็อาจจะเลยไปถึงเรื่องตำรวจ หรือ ความมั่งคงอย่างอื่นด้วย” นายวิษณุกล่าวทิ้งท้าย