แสนสิริ ย้ำ 40 ปีแบรนด์อสังหาฯอันดับ 1 กับความท้าทายใหม่ “ดีไซน์เพื่ออนาคต”

แสนสิริ

แสนสิริ ตอกย้ำผู้นำแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน และผู้นำด้านดีไซน์ ปรับกลยุทธ์เหนือคู่แข่ง ปลดล็อกทุกความเป็นไปได้ ผ่านแนวคิด “Design for Future : ดีไซน์เพื่ออนาคต” เซตมาตรฐานใหม่ สร้างผลงานสู่ World Class Design ยิงสลุตบุก 4 บ้านเดี่ยวพรีเมี่ยมแบรนด์ใหม่ “ณริณสิริ-เมเบิล-เอลซ์-พินน์”

วันที่ 9 พฤษภาคม 2567 นางสาวศรีอำไพ รัตนมยูร ประธานผู้บริหารสายงานการตลาด บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2567 เป็นก้าวที่สำคัญของแสนสิริในโอกาสสู่ปีที่ 40 ในฐานะ Trendsetter ที่ไม่หยุดนิ่งในการสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ

โดยเราเชื่อว่าบ้านที่ดี นอกจากจะมีดีไซน์ที่โดดเด่นและฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์แล้ว ยังต้องสวยงามตลอดไปในทุกช่วงเวลาไม่ล้าสมัย (Timeless) ทีมงานแสนสิริจึงได้ลงลึกในการวิจัยและศึกษาวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างเข้มข้นใกล้ชิด

ศรีอำไพ รัตนมยูร
ศรีอำไพ รัตนมยูร

ผ่านแนวคิดของการดีไซน์ในอนาคต คือ “Design for Future” นวัตกรรมการดีไซน์รูปแบบใหม่ที่เริ่มต้นจาก “คุณ” และความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในอนาคต ซึ่งเป็นความท้าทายครั้งใหม่ 3 ด้าน คือ 1.Design for Aesthetic Living ดีไซน์ด้วยความพิถีพิถันและคุณภาพ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดี และสวยงามในทุกรายละเอียด

2.Design for Space Optimization ดีไซน์ที่สะท้อนไลฟ์สไตล์พร้อมเปิดรับการมีส่วนร่วมกับสิ่งใหม่ ๆ ให้เป็นพื้นที่ตอบรับทุกการใช้ชีวิตได้อย่างเต็มเปี่ยม

Advertisment

และ 3.Design for Sustainability ดีไซน์ที่โอบรับความยั่งยืน นวัตกรรม การใช้งานได้จริง รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และสังคม สอดรับกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในอนาคต

กลยุทธ์ปี 2567 แสนสิริได้ตอกย้ำการเป็น Design Leader ด้วยการสร้างเอกลักษณ์แบรนด์ให้ทรงพลังและเป็นที่จดจำมุ่งสู่ Global Brand ยิ่งขึ้น ผ่าน 2 องค์ประกอบ

ได้แก่ 1.การนำ Identity จากโลโก้แสนสิริ มาทรานส์ฟอร์มให้เกิดรูปแบบต่าง ๆ สะท้อนทุกความเป็นไปได้

Advertisment

2.การมอบประสบการณ์ และสไตล์ของแบรนด์ในด้านต่าง ๆ อาทิ Art, Design, Decoration และการร่วมมือกับดีไซเนอร์ระดับโลกมาจุดประกายไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ ๆ ที่มากกว่าเพียงแค่ที่อยู่อาศัย แต่สร้างพลังให้คุณเป็นตัวเองได้เต็มที่ในทุกมิติ

นางสาวศรีอำไพกล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการตอกย้ำสู่ปีที่ 40 ก้าวสำคัญที่กล้าจะแตกต่าง ด้วยความโดดเด่นด้านดีไซน์ แสนสิริเดินหน้าปรับกลยุทธ์อย่างเหนือกว่า พิสูจน์พลังไอเดียผู้นำ

อาทิ ทางด้าน Product Design ล่าสุดแสนสิริได้เตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ 4 แบรนด์ ได้แก่ “ณริณสิริ-Narinsiri” แบรนด์บ้านเดี่ยวใหม่ระดับพรีเมี่ยมโครงการแรกณริณสิริ กรุงเทพกรีฑา, “เมเบิล-Mabel” แบรนด์บ้านเดี่ยวใหม่ระดับราคาเข้าถึงง่าย, “เอลซ์-ELSE” เอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนซ์

และ “พินน์-PYNN” คอนโดมิเนียม Low-Rise รูปแบบใหม่ สำหรับผู้ที่ชอบความเป็นส่วนตัว จำนวนยูนิตน้อย บนทำเลศักยภาพ พร้อมดีไซน์และคุณภาพมาตรฐานแสนสิริ

นอกจากนี้ ยังได้ครีเอตโปรเจ็กต์พิเศษชวนทุกคน พับเก็บอดีตที่ผ่านมา เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่สิ่งใหม่ในวันข้างหน้า ไม่ว่าอนาคตข้างหน้า คุณอยากใช้ชีวิต แบบไหน ? เราเตรียมความพร้อมให้กับอนาคตการใช้ชีวิตของทุกคนให้เป็นไปได้

ด้วยการนำไอเดียการออกแบบ เพื่อสร้างคุณค่าความแตกต่างผสานความสวยงาม อย่างมีคุณภาพ พร้อมนำเสนอประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับลูกค้า ผู้คนในสังคม เช่น

ครั้แรกของแสนสิริ กับ Young Artist Community ความร่วมมือระหว่างแสนสิริกับนักออกแบบชั้นนำของประเทศเตรียมเปิด Artist Community ปั้นนักคิดนักสร้างสรรค์หน้าใหม่ ยกระดับ Creative Economic ของประเทศ

โดยเปิดโอกาสให้ Young Artist ที่ผ่านการคัดเลือกใน 4 สาขา (Product Design-Illustration-Photograph-Music Composition) เข้าร่วมเวิร์กช็อปกับผู้เชี่ยวชาญ และมีโอกาสร่วมงานกับแสนสิริ ตลอดจนเข้าแสดงผลงานในเวทีระดับประเทศ อย่าง Bangkok Design Week

รวมถึงต่อยอดงานดีไซน์อย่างยั่งยืนกับ Sansiri waste to WORTH ซึ่งธุรกิจหลักของแสนสิริคือการนำส่งที่อยู่อาศัย จึงนำมาสู่ไอเดียสร้างสรรค์ต่อยอดงานดีไซน์อย่างยั่งยืน จากเศษวัสดุการสร้างบ้าน เช่น หินอ่อน กระเบื้อง ไม้

นำมาปรับเปลี่ยนให้กลับมาสามารถใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง ตอกย้ำผู้นำทางด้านดีไซน์และใช้วัสดุอย่างคุ้มค่า รักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเหล่านี้ถือเป็นส่วนสำคัญที่สร้างความหยัดยืนให้กับแสนสิริที่ปรับตัวเข้ากับบริบทใหม่ของโลก

และการส่งมอบ Total Experience ให้กับลูกค้า ด้วยดีไซน์ใหม่ Sansiri Sales Uniform จากแบรนด์ VICKTEERUT ด้วยการนำ Visual Design Logo เข้ามาอยู่ในแนวคิดการออกแบบยูนิฟอร์ม เพื่อสะท้อนแบรนด์แสนสิริ

เป็นการนำแรงบันดาลใจจากแสงที่พาดผ่านโครงสร้างสถาปัตยกรรม มาสู่รูปทรงเรขาคณิตบนโครงสร้างเสื้อผ้าสไตล์เทเลอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์

รวมถึง Transfer Bag หรือกระเป๋าโอนที่มอบให้กับลูกค้าหลังจากการโอนกรรมสิทธิ์ ด้วยดีไซน์ใหม่ที่มีความเรียบหรู และเต็มไปด้วยความประณีตลงตัว

กิจกรรมข้างต้นเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ #Sansiri40years ตอกย้ำ Taste-Maker Brand สะท้อนรสนิยมและไลฟ์สไตล์ โดดเด่นไม่เหมือนใคร เพื่อสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล รวมถึงความภาคภูมิใจที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์แสนสิริ

โดยสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ จะเดินอยู่ในแกนหลักคือมองไปในอนาคต และโฟกัสเรื่องการนำนวัตกรรมทางด้านดีไซน์มาต่อยอด เติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตได้ในทุกมิติ สะท้อนทุกความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในอนาคต มุ่งสู่การจดจำแบรนด์ในระดับ Global Design ต่อไป

“เราอยู่ในสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลง และการแข่งขันที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมาย ธุรกิจจึงต้องปรับตัวอย่างหนัก เพื่อวิ่งให้ทันกระแสสังคม ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ความหลากหลายของผู้บริโภค ล้วนเป็นความท้าทายของแบรนด์ที่ต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด ต้องทำการตลาดที่ลงลึกมากขึ้น มองหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ เพื่อก้าวข้ามสิ่งต่าง ๆ และอยู่เคียงข้างลูกค้าในทุกสถานการณ์ ทั้งหมดนี้เพื่อมุ่งสู่การส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า และสังคม” นางสาวศรีอำไพกล่าว

จับตาครั้งสำคัญ แสนสิริพร้อมคิดต่าง นำเสนอการดีไซน์ที่สะท้อนอนาคต โดยเตรียมพบกับแบรนด์แคมเปญใหม่ล่าสุดพร้อมตอบโจทย์ทุกความหลากหลาย เร็ว ๆ นี้

ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวด้านแบรนด์ครั้งสำคัญของแสนสิริ เปรียบเสมือน Frontal Attack ในฐานะ Most Valuable Real Estate Brand หรือแบรนด์อันดับ 1 ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าแห่งอนาคตสูงสุดประจำปี 2023

จากจุดแข็งด้านความเชื่อมั่นและไว้วางใจภายใต้แบรนด์ที่อยู่อาศัยของแสนสิริมาโดยตลอดระยะเวลา 40 ปี ทั้งในด้าน Design, Service and Quality และ Sustainability ที่สร้างที่อยู่อาศัยราว 500 โครงการ กว่า 130,000 ยูนิต จำนวนลูกค้าที่ให้ความเชื่อมั่นกว่า 200,000 ราย

ส่งผลให้ทุก ๆ วันของแสนสิริ คือ การมุ่งมั่นมอบความสุขรอบด้านให้กับลูกบ้าน ครอบคลุม 360 องศาของชีวิต ใส่ใจทุกรายละเอียดของไลฟ์สไตล์ ซึ่งจะเป็นอีก 1 ยุทธศาสตร์ใหญ่ สร้างมิติของแบรนด์สู่หมุดหมายใหม่เพื่อทำให้แสนสิริเป็นแบรนด์ที่เข้าใจและเข้าถึงทุกคน รักษาความเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน และสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ได้ในระยะยาว

ตลอดจนรักษา Earning Growth ในปี 2567 ในการสร้างผลประกอบการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการเปิดตัว 46 โครงการใหม่ มูลค่า 61,000 ล้านบาท (สูงสุดในอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัย) เป้ายอดขาย 52,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดโอนที่ 43,000 ล้านบาท