
บริษัท วิมานสุริยา จำกัด ผู้พัฒนา Dusit Central Park เผยความคืบหน้าสวนลอยฟ้า Roof Park ก่อนเปิด ในไตรมาส 3/68 ชูจุดเด่นเขียวขจีของต้นไม้ ไล่ระดับความสูงจากชั้น 4 ต่อเนื่องถึงชั้น 7 เชื่อมต่อวิวทิวทัศน์สวนลุมพินีแบบ Extending Park View ตอบแทนสังคม ส่งเสริมสุขภาพคนกรุงและคุณภาพเมือง
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค เตรียมเปิด Roof Park อย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาส 3/68 จากวิสัยทัศน์ผู้บริหารที่ต้องการพัฒนาพื้นที่โดยไม่ได้คำนึงถึงธุรกิจ
แต่ต้องการยกระดับพื้นที่เพื่อมอบความสุข สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่สังคม ชาวไทย และนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก ให้สามารถเข้ามาใช้เวลาในพื้นที่ดังกล่าวได้อย่างเพลิดเพลิน อีกทั้งรองรับความต้องการของชุมชนเพื่อสร้างความสุขร่วมกันอย่างแท้จริง
โดยโครงการสร้างสรรค์พื้นที่สีเขียวถึง 7 ไร่ (11,200 ตารางเมตร) ให้เป็นสวนลอยฟ้าขนาดใหญ่ภายใน Dusit Central Park เพื่อช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของผู้คนในเมืองกรุงเทพฯ
“แน่นอนว่าความสำคัญของการสร้างพื้นที่สีเขียวในกลางเมือง ไม่เพียงแต่จะมีส่วนช่วยสร้างให้โครงการมีความสวยงามเท่านั้น แต่ยังช่วยในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมผ่านการส่งเสริมสุขภาพคนและคุณภาพเมือง ไปด้วยกัน ทั้งยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ Dusit Central Park อย่างยั่งยืน”
นอกจากนี้ การพัฒนาพื้นที่สีเขียวยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ของไทยใน 3 มิติ ทั้งมิติเศรษฐกิจผ่านการเป็นไฮไลต์ของโครงการที่ดึงดูดผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แขกของโรงแรม ลูกบ้าน ผู้ที่เข้ามาจับจ่ายใช้สอยภายในโครงการ พนักงานในออฟฟิศ
มิติทางด้านสังคมผ่านการสรรสร้างพื้นที่สีเขียวตอบแทนชุมชน ที่ทุกคนสามารถเข้ามาใช้งานได้ตามไลฟ์สไตล์ของตนเอง และยังส่งเสริมให้ผู้คนเห็นคุณค่าของธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
และในมิติด้านระบบนิเวศเมือง ผ่านการปลูกพันธุ์ไม้ที่ช่วยเพิ่มออกซิเจนให้เมือง ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ดักจับและลดฝุ่น PM 10 และ PM 2.5 และบริเวณพื้นที่น้ำตกที่กระจายตัวอยู่ตามจุดต่าง ๆ ภายใน Roof Park จะสามารถช่วยลดอุณหภูมิในพื้นที่พร้อมเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ ทำให้อากาศสดชื่น เย็นสบาย
และยังเติมเต็มระบบนิเวศให้สมบูรณ์โดยการเป็นที่อยู่แห่งใหม่ของแมลงที่เป็นประโยชน์ บนความตั้งใจจะตอบโจทย์ทั้งในด้านความยั่งยืนผ่านการสร้างระบบนิเวศเมืองที่มีคุณภาพสำหรับทุกคน ซึ่งเราจะเป็นสวนลอยฟ้าใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในไทย (Thailand’s Largest Urban Roof Park)
“เราต้องการสร้างพื้นที่ที่เอื้อประโยชน์ต่อให้ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลก ให้สามารถเข้ามาใช้ประโยชน์บนพื้นที่อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงมีการจัดสรรพื้นที่ให้มีสัดส่วนสำหรับการทำกิจกรรม และอรรถประโยชน์ใช้สอยที่แตกต่างกันไป”
อาทิ จุดชมวิว พื้นที่สำหรับพบปะสังสรรค์ รับประทานอาหาร สนามเด็กเล่น และ Amphitheatre ที่สามารถรองรับกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ เช่น แสดงงานศิลปะ ดนตรี และการจัดมินิอีเว้นต์ในวาระต่าง ๆ เป็นการออกแบบสวนที่สามารถทำให้คนเมืองออกแบบไลฟ์สไตล์ได้ตามที่ต้องการ
ในด้านทัศนียภาพร่มรื่นเสมือนเนินเขาไล่ระดับตามความสูงอาคารจากดาดฟ้าอาคารชั้น 4 ต่อเนื่องถึงชั้น 7 ครอบคลุมพื้นที่รวมทั้งสิ้น 7 ไร่ (11,2000 ตารางเมตร) จุดชมวิวเชื่อมแบบไร้รอยต่อโครงการ Dusit Central Park มุ่งสู่สวนลุมพินี
“หากเรามองกลับมาจากสวนลุมพินี เราจะเห็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น เหมือนเป็นเนินเขาขนาดเล็กอยู่ท่ามกลางตึกสูงใจกลางเมือง และยังเปรียบเสมือนมอบพื้นที่สีเขียวเพิ่มเติมให้แก่สวนลุมพินีอีกด้วย” นางศุภจีกล่าว
นายธัชพล สุนทราจารย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Landscape Collaboration จำกัด ผู้ออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมของ Roof Park โครงการ Dusit Central Park กล่าวเพิ่มเติมว่า โจทย์ของพื้นที่นี้ คือ ความท้าทายครั้งใหม่
เพราะเราต้องดีไซน์บริเวณ Terrace ของชั้น 4-7 ให้เชื่อมต่อกันให้มีลักษณะเป็นเนินสูงต่ำ หรือ Hill Zone ที่แลดูเสมือนภูเขาที่ต่อเนื่องกับสวนลุมพินี แบบไร้รอยต่อ มอบประสบการณ์ใหม่ระหว่างธรรมชาติและการใช้ชีวิตใจกลางเมือง
พร้อมจัดวางพันธุ์ไม้ที่มีความสูงใหญ่หลายระดับ และในด้านการพัฒนาและออกแบบการใช้งานของพื้นที่ เราใช้หลักการของแนวคิดอารยสถาปัตย์ (Universal Design) และผสานแนวคิดหลากหลาย ดังนี้
1. Inclusive Design for All เพื่อให้ Roof Park เป็นพื้นที่สีเขียวที่ออกแบบโดยคำนึงถึงรูปแบบการใช้ชีวิต เพื่อให้เกิดฟังก์ชั่นการใช้งานที่รองรับความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้งานจริง ทั้งบริเวณสำหรับกิจกรรม Active และ Passive รวมไปถึง พื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง
2.การสานต่อมรดกอันงดงาม (Heritage & Legacy) ของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ผ่านการใช้อัตลักษณ์ เช่น การสร้างน้ำตกที่ไหลมารวมกัน การเลี้ยงปลา การปลูกต้นลีลาวดี รวมไปถึงเส้นสายที่สวยงามและฟอร์มรูป “หกเหลี่ยม” ในการออกแบบมุมมองและภาพลักษณ์ในโซนต่าง ๆ ที่สะท้อนตัวตนของดุสิตธานี
3.Urban Sanctuary & Ecosystem การสร้างระบบนิเวศของเมืองกรุงเทพฯ ที่มีความเฉพาะตัวไม่เหมือนที่อื่น ผ่านการสร้างความรู้สึกถึงความเชื่อมต่อไปยังสวนลุมพินี การคัดเลือกปลูกต้นไม้ประจำถิ่นและต้นไม้ไทยหายาก การหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีเพื่อไม่สร้างผลกระทบต่อสัตว์เล็กและแมลง
ด้วยแนวคิดเหล่านี้ ทำให้ Roof Park มีมาตรฐานที่โดดเด่นเทียบเคียงกับพื้นที่สวนสาธารณะระดับโลก เช่น Central Park ในมหานครนิวยอร์ก และ Hyde Park ในมหานครลอนดอน ซึ่งล้วนแต่เป็นสวนสาธารณะที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานของทุกคนในเมืองท่ามกลาง Prime Location ที่หาได้ยาก
นอกจากนี้ ดีไซน์พื้นที่ยังได้คำนึงถึงมาตรฐานการรับรอง LEED ซึ่งเป็นมาตรฐานของอาคารสีเขียว โดยการใช้วัสดุธรรมชาติที่ทดแทนได้ อาทิ การสร้างทางเดินลาดด้วยไม้ที่เป็นวัสดุธรรมชาติที่มีความทนทานและสามารถทดแทนได้ และยังสร้างประสบการณ์ให้ผู้ใช้รู้สึกอบอุ่นเหมือนได้สัมผัสธรรมชาติจริง ๆ
การใช้หินในบางพื้นที่ และใช้วัสดุทดแทน อย่างกรวดและทรายขัดล้างแทนที่ซีเมนต์เบส เพื่อให้ได้สีสันความสวยงามตามธรรมชาติและทำให้พื้นผิวมีความน่าสนใจ
และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ คือ งานโครงสร้าง โดยเราได้ร่วมทำงานกับ Structure Engineer ที่ได้ออกแบบและวางรูปแบบโครงสร้างที่มีความซับซ้อนสูง เพื่อรองรับแพลตฟอร์มของอาคารทั้ง 4 องค์ประกอบ ทั้งโรงแรม ที่พักอาศัย ศูนย์การค้า และสำนักงาน ที่มีลักษณะและรูปแบบที่แตกต่างกัน
เรามีการขึ้นโครงสร้างและคานของสวนในทุกขั้นตอนในเชิงสามมิติ ครบทุกโซน ทุกรายละเอียด เพื่อให้ง่ายต่อการ Joint ทุกชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน สร้างความแข็งแรงให้โครงสร้างสามารถรองรับน้ำหนักได้มากและไม่รั่วซึม ทำให้พื้นที่ด้านบนสามารถรองรับได้ทั้งต้นไม้ขนาดใหญ่ น้ำตก และพื้นที่กิจกรรมต่าง ๆ