บิ๊กคมนาคมหนาว“ศักดิ์สยาม”ตั้งKPIผลงานรายเดือน ลุยมหากาพย์สัมปทาน-ค่าโง่โฮปเวลล์-เวนคืนมอเตอร์เวย์-แก้รถติดทางด่วน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า วันที่ 30 ก.ค.2562 หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะประชุมมอบนโยบายหัวหน้าหน่วยงานอย่างเป็นทางการ ตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาวันที่ 25-27 ก.ค.นี้ ทั้งนี้หัวหน่วยทุกคนจะต้องไม่มีเกียร์ว่าง นับจากนี้ 1 เดือนต้องมีการบ้านมาส่งผม เพื่อกำหนดตัวชี้วัดผลงาน (KPI) ถ้าทำไม่ได้แล้วจะมีการโยกย้ายหรือไม่ ค่อยมาว่ากันทีหลัง เพราะบางหน่วยจะมีผู้บริหารเกษียณอายุราชการในเดือน ก.ย.นี้

“การดำเนินงานของกระทรวงจากนี้ อาจจะมีการกำหนดตัวชี้วัด KPI มา เพื่อวัดการทำงานเป็นรายเดือน ถ้าทำไม่ได้ตามเป้าก็ต้องมาคุยกันว่า ทำไมทำไม่ได้ แต่การสั่งย้ายจะเป็นวิธีสุดท้ายที่จะเลือกทำ”

สำหรับคดีข้อพิพาทต่างๆ เช่น เรื่องการต่อสัญญาสัมปทานทางด่วนระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กับ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) จะให้ กทพ.ไปดูรายละเอียดว่าสิ่งที่ดำเนินการมาถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

เช่น ทีโออาร์ สัญญา พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ เป็นต้น ต้องนำข้อมูลทุกอย่างมาดูย้อนหลังทั้งหมด เพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุด จะดำเนินการคู่ขนานไปกับการที่คณะกรรมาธิการวิสามัญของสภาตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณา จะใช้เวลา 45 วัน ในส่วนของกระทรวงอาจจะเสร็จก่อน คาดว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์นี้

“ขอยืนยันว่าทุกอย่างต้องทำตามกฎหมาย ให้ กทพ.ไปดูรายละเอียด ยังไม่เห็นรายละเอียด ผมว่าไม่นาน เพราะผมก็ทำการบ้านมาแล้ว แต่บางอย่างก็พูดไม่ได้ ไม่ถึงกับเข้าชำแหละ แต่ทำให้ถูกต้อง อธิบายกับทุกคนได้ คราวนี้ไม่ใช่แค่ถูกถอดถอน ถ้าเราพลาด ถ้าไม่ดีก็ติดคุก” นายศักดิ์สยามกล่าว

ส่วนคดีโฮปเวลล์ที่ศาลมีคำสั่งให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จ่ายค่าชดเชยให้เอกชนคู่สัญญาในเดือน ต.ค.นี้ จำนวน 12,000 ล้านบาท หากศาลสั่งให้จ่ายก็ต้องจ่าย เพราะทำอะไรไม่ได้แล้ว อย่างไรก็ตามร.ฟ.ท. ยังไม่ได้รายงานอะไรให้ทราบ

“ส่วนตัวผมไม่กังวลกับ 2 คดีนี้ เรามีทีมงาน ซึ่งรัฐมนตรีช่วยถาวรก็เก่งด้านกฎหมาย เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด การจะชำระหนี้แบบไหนก็ต้องเจรจาเอกชนและดูคำสั่งของศาลก่อน”

ขณะที่การเดินหน้าโครงการขนาดใหญ่นายศักดิ์สยามกล่าวว่า โปรเจ็กต์ใหญ่ที่กำลังขับเคลื่อนอยู่ น่าเป็นเรื่องลูทีนแต่ก็ต้องพิจารณาเช่นกัน โดยยึดผลการศึกษาและทีโออาร์เป็นหลักก่อนที่จะเดินหน้า อย่างไรก็ตามพรรคภูมิใจไทยมี 12 นโยบายที่ต้องทำเร่งด่วน ซึ่ง 1 ในนั้นคือ การผลักดันแกร็บถูกกฎหมาย จะให้เห็นเป็นรูปธรรมภายใน 1 เดือนนี้ เพราะมีการศึกษาไว้พร้อมหมดแล้ว นอกจากนี้จะเดินหน้าซื้อรถเมล์ใหม่แต่เน้นที่ไม่เป็นมิลพิษต่อสิ่งแวดล้อม

รวมถึงจะนำเรื่องค่าเวนคืนมอเตอร์เวย์บางใหญ่ – กาญจนบุรี ที่กรมทางหลวงยังติดขัดการขอขยายกรอบวงเงินเพิ่มเติมอีก 8,000 ล้านบาท หารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เพื่อเสนอให้โครงการผ่านการพิจารณา ถ้าไม่มีปัญหาก็เดินหน้าเลย เพราะบางอย่างพร้อมหมดแล้ว ซึ่งค่าเวนคืนยิ่งปล่อยไว้นานจะยิ่งแพง

อีกเรื่องคือการแก้ปัญหารถติดหน้าด่านทางด่วน หลังจากที่ใช้บริการตรงด่านพระราม 9 พบว่าผู้ใช้บริการจะรอจ่ายเงินสดมากกว่าใช้บัตรอีซี่พาส อาจจะต้องให้ กทพ.ไปดูระบบเก็บเงินที่จะทำให้สามารถทะลุได้โดยที่ไม่ต้องหยุดรอที่หน้าด่านเหมือนปัจจุบัน