ซิโน-ไทยฯ ผุด “หมอชิตคอมเพล็กซ์” หมื่นล้าน

มิกซ์ยูสหมื่นล้าน - โครงการอสังหาฯให้เช่าของ "ซิโน-ไทยฯ" บนที่ดิน 11 ไร่ย่านพหลโยธิน ในซอยเฉยพ่วง ซื้อต่อจาก "ยูซิตี้" เครือบีทีเอสกรุ๊ป ปัจจุบันกำลังทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอ คาดสร้างต้นปี 2563

“ซิโน-ไทยฯ” แตกไลน์ธุรกิจรับเหมา รุกอสังหาฯให้เช่า ทุ่ม 1.2 หมื่นล้าน เนรมิตที่ดิน ทุบตึกเก่า 11 ไร่ ผุด “หมอชิตคอมเพล็กซ์” ตึกแฝดสูง 36 ชั้น พื้นที่ใช้สอยกว่า 7 หมื่นตารางเมตร ทั้งออฟฟิศบิลดิ้ง พาณิชยกรรม สถานศึกษา ภัตตาคาร ที่จอดรถ รับรถไฟฟ้าบีทีเอส เร่งทำ EIA ลงเสาเข็มต้นปี”63 เสร็จปี’66

นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2562 ได้ตัดสินใจซื้อที่ดินบริษัท หมอชิตแลนด์ จำกัด จาก บมจ.ยูซิตี้ (U) จำนวน 63 แปลง หรือประมาณเนื้อที่ 11 ไร่ วงเงิน 4,320 ล้านบาท ย่านพหลโยธิน ใกล้กับรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีหมอชิต ลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 12,110 ล้านบาท ล่าสุดอยู่ระหว่างทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในต้นปี 2563-2566

“โครงการนี้เราลงทุนเอง จะพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส ชื่อว่า “โครงการหมอชิตคอมเพล็กซ์” มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 70,500 ตารางเมตร รูปแบบการพัฒนามีทั้งอาคารสำนักงาน พาณิชยกรรม สถานศึกษา ภัตตาคาร ที่จอดรถ เป็นอาคารแฝด สูง 36 ชั้น และชั้นใต้ดิน 3 ชั้น จำนวน 1 อาคาร มีทางเชื่อมต่อกันที่ชั้นใต้ดิน 3 ชั้น ชั้นที่ 2-10 ชั้นที่ 33 และชั้นที่ 36 โดยชั้นบนสุดของอาคารมีโครงสร้างเชื่อมกันทำเป็นสวนลอยฟ้า มีร้านค้าและสกายวอล์กเชื่อมบีทีเอสหมอชิต และภายในโครงการจะมีระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการต่าง ๆ รองรับ”

นายภาคภูมิกล่าวอีกว่า สำหรับระยะเวลาดำเนินการโครงการจะใช้เวลาประมาณ 50 เดือน แบ่งเป็นช่วงการรื้อถอนอาคารเดิม จำนวน 6-7 คูหา ประมาณ 5 เดือน และก่อสร้างโครงการประมาณ 45 เดือน โดยแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการลงทุน ทางบริษัทจะใช้แหล่งเงินทุนจากช่องทางต่าง ๆ อาทิ เงินทุนหมุนเวียน, เงินสดจากผลประกอบการที่จะได้รับเป็นปกติจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท, เงินกู้จากสถาบันการเงิน, ออกหุ้นกู้ระยะยาว เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทจะพิจารณาแหล่งเงินทุนที่จะใช้ตามความเหมาะสม

สำหรับการชำระเงินที่ซื้อที่ดิน วงเงิน 4,320 ล้านบาท จะแบ่งผ่อนชำระ 4 งวด เป็นระยะเวลา 4 ปี งวดแรกชำระวันที่ 1 พ.ย. 2562 จำนวน 1,300 ล้านบาท งวดที่ 2 วันที่ 1 พ.ย. 2563 จำนวน 1,000 ล้านบาท งวดที่ 3 วันที่ 1 พ.ย. 2564 จำนวน 1,000 ล้านบาท และงวดสุดท้ายวันที่ 1 พ.ย. 2565 จำนวน 1,000 ล้านบาท


นายภาคภูมิกล่าวว่า การลงทุนในโปรเจ็กต์นี้ก็ถือเป็นหนึ่งในการที่จะสร้าง recurring income ของบริษัทในระยะยาว ซึ่งจากทำเลและความพร้อมของที่ดินในแปลงนี้สร้างความมั่นใจให้บริษัทได้ว่า นอกจากจะสร้างความคุ้มค่าจากการพัฒนาโครงการได้แล้ว ทางบริษัทก็น่าจะมีข้อได้เปรียบจากการลงมือก่อสร้างเอง ซึ่งสามารถคำนวณต้นทุนที่ต่ำกว่าผู้พัฒนารายอื่น ๆ ที่ต้องไปจ้างผู้รับเหมาก่อสร้าง