ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศบค.ออก”ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 (ฉบับที่ 2)” ซึ่งมีเนื้อหาประกาศเคอร์ฟิวทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่ 22.00 – 04.00 น. มีผลในวันที่ 3 เม.ย.2563เป็นต้นไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายนั้น
หน่วยงานด้านการคมนาคมขนส่งที่อยู่ภายใต้กระทรวงคมนาคมได้ออกประกาศระงับการเดินทางทุกโหมดทั้งบก ราง น้ำ อากาศ ตามมา
ซึ่งผู้สื่อข่าว ”ประชาชาติธุรกิจ” ได้รวบรวมไว้ ดังนี้
งดใช้ทางด่วน-มอเตอร์เวย์ช่วงเคอร์ฟิว
ทางถนน”กรมทางหลวง (ทล.)” และ “การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)” ล่าสุด ทล. ได้ออกประกาศกรมทางหลวง จำกัดการใช้บริการมอเตอร์เวย์สาย 7 (กรุงเทพ – บ้านฉาง) และมอเตอร์เวย์สาย 9 (กาญจนาภิเษก) ตั้งแต่เวลา 22.00 – 04.00 น. เริ่มต้นคืนนี้เป็นต้นไป
โดยยกเว้นเฉพาะรถที่ได้รับอนุญาตตามข้อกำหนด
ขณะที่ กทพ.ก็ได้ประกาศจำกัดการให้บริการทางด่วนทุกเส้นทาง (เฉลิมมหานคร,ศรีรัช,ฉลองรัช,บูรพาวิถี,อุดรรัถยา,บางพลี – สุขสวัสดิ์,บางนา – อาจณรงค์ และศรีรัช – วงแหวนรอบนอก) มีผลคืนนี้ 22.00 – 04.00 น. เว้นรถที่ได้รับอนุญาตตามข้อกำหนดเช่นกัน
ขนส่งระงับเดินทางทั้งประเทศ
ด้านกรมการขนส่งทางบก (ขบ.)ได้ออก”คำสั่งกรมการขนส่งทางบกที่ 225/2563 เรื่อง ระงับการเดินรถโดยสารสาธารณะเป็นการชั่วคราวตามประกาศสถานการณ์ฉุกฉินในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร” โดยมีสาระสำคัญคือ
1. ให้รถโดยสารหมวด 1 (รถโดยสารประจำทางในกรุงเทพ) หมวด 4 (รถโดยสารตามหมู่บ้านและซอกซอย) และหมวด 2 (รถโดยสารจากกรุงเทพไปยังจังหวัดต่างๆ) และหมวด 3 (รถโดยสาระหว่างจังหวัด) ระงับการเดินทางทุกเส้นทางตั้งแต่เวลา 22.00 – 04.00 น.
ในส่วนของรถแท็กซี่, รถจักรยานยนต์รับจ้าง, รถสามล้อรับจ้าง (รถตุ๊กตุ๊ก), รถสี่ล้อเล็ก ให้ถือปฏิบัติตามข้อกำหนด ห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานด้วยเช่นกัน โดยสามารถให้บริการได้ในช่วงเวลา 04.00 – 22.00 น. เท่านั้น
2. ให้รถโดยสารไม่ประจำทางทั่วประเทศ ระงับการดินทางตั้งแต่เวลา 22.00 – 04.00 น.
3.ให้ผู้รับใบอนุญาตพิจารณาจัดการเดินรถให้ผู้โดยสารและผู้ประจำรถกลับถึงจุดหมายก่อนเวลาเคอร์ฟิว
4. หากมีประกาศหรือคำสั่งระงับ โดยมีการกำหนดเงื่อนไขและเวลาที่เข้มงวดและเคร่งครัดกว่าคำสั่งนี้ ก็ให้ปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งนั้นต่อไปด้วย
5.หากมีความจำเป็นต้องขนย้ายประชาชนไปสู่ที่กักกันโรคตามกฎหมายโรคติดต่อ หรือการเดินทางจากสนามบิน ให้เดินรถได้ แต่ต้องเอกสารรับรองความจำเป็นดังกล่าวก่อน และต้องมีมาตรการป้องกันโรคตามระเบียบของกระทรวงสาธารณสุข โดยมีผลตั้งแต่วันนี้
บขส.-ขสมก. ขานรับ”ขนส่ง”
ด้านบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เด้งรับมาตรการของ ขบ. โดยประกาศหยุดเดินรถทุกเส้นทางทั่วประเทศ 100% ยกเว้นการรับส่งพัสดุเครื่องอุปโภค-บริโภคที่ทำได้ตั้งแต่ 05.00-20.30 น. มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผู้โดยสารสามารถขอคืนตั๋วหรือเลื่อนการเดินทางได้ผ่านเว็บไซด์ tตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย.เป็นต้นไป
ส่วนรถร่วม มีบางเส้นทางที่ยังวิ่งให้บริการอยู่ โดยกำหนดให้เส้นทางที่มีระยะทางเกิน 300 กม. จะจัดรถให้บริการช่วง 05.00-11.00 น. เท่านั้น ส่วนเส้นทางที่น้อยกว่า 300 กม. จะจัดรถให้บริการช่วง 05.00-16.00 น.
ส่วนหน่วยงานรถเมล์อย่าง “องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)”ได้ปรับเปลี่ยนเวลาเดินรถเป็น 05.00 – 21.00 น. พร้อมกับขอความร่วมมือรถร่วมเอกชนให้ปรับเวลาให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันด้วย เริ่มวันนี้เป็นต้นไป
ชัตดาวน์ระบบราง21.30 น.
ขณะที่การขนส่งทางราง เรกูเรเตอร์อย่าง “กรมการขนส่งทางราง (ขร.)” ได้ออกประกาศกรมการขนส่งทางราง เรื่อง มาตรการพึงปฏิบัติการจัดระบบขนส่งทางรางภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ฉบับที่ 2)
โดยกำหนดให้เปิดบริการหลังเวลา 04.00 น. และให้ปิดสถานีปลายทางในเวลา 21.30 น., พิจารณาปรับลดการเดินรถตามความเหมาะสมและกำหนดตารางการเดินรถที่ชัดเจน, ผู้ที่จำเป็นต้องทำงานตอนกลางคืน เช่น พนักงานซ่อมบำรุง ให้หน่วยงานต้นสังกัดออกเอกสารรับรองการปฏิบัติงาน
ส่วนรถไฟระหว่างเมืองให้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจโรค และขอให้ผู้โดยสารให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ รวมถึงวางแผนและประมาณการณ์ระยะเวลาในการเดินทาง
BTS-MRT แอร์พอร์ตลิงก์ ปรับเวลารับเคอร์ฟิว
ด้านผู้ประกอบการรถไฟฟ้ารายใหญ่ 2 บิ๊ก อย่าง บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บีทีเอสซี) ผู้ให้บริการระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ผู้ให้บริการระบบรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีน้ำเงิน ก็ได้ปรับเวลาให้บริการเช่นกัน
โดยบีทีเอสปรับการให้บริการ ในเส้นทางสายสุขุมวิท (ม.เกษตรศาสตร์ – เคหะ) เปิดให้บริการ 05.15 น. ส่วนเส้นทางสายสีลม (สนามกีฬาแห่งชาติ – บางหว้า) เปิดให้บริการ 05.30 น.และผู้โดยสารควรเข้าระบบก่อนเวลา 21.30 น.
ส่วนอาคารจอดแล้วจรที่สถานีหมอชิต จะให้บริการตั้งแต่เวลา 05.00 – 22.00 น.ส่วน รฟม. ก็ได้ปรับเวลาให้บริการรถไฟฟ้าทั้ง 2 ระบบ โดยจะเปิดให้บริการถึง 21.30 น. ขณะที่อาคารจอดแล้วจร จะให้บริการระหว่างเวลา 05.00-21.00 น.
ส่วนแอร์พอร์ตเรลลิงก์เรลลิงก์ปรับเวลาเดินรถใหม่เป็น 05.30-21.30 น.
รถไฟหยุดบริการทุกเส้นทาง
ด้านการรถไฟแห่งประเทศไทยประกาศหยุดเดินขบวนรถทุกเส้นทาง
วันที่ 3 เมษายน 2563
1. สายเหนือ จำนวน 7 ขบวน (ไป – กลับ)
– ขบวนรถด่วนพิเศษอุตราวิถีที่ 9/10 (กรุงเทพ – เชียงใหม่)
– ขบวนรถด่วนที่ 51/52 (กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ)
– ขบวนรถเร็วที่ 107/108 (กรุงเทพ – เด่นชัย – กรุงเทพ)
– ขบวนรถเร็วที่ 109 (กรุงเทพ – เชียงใหม่)
2. สายตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 12 ขบวน (ไป – กลับ)
– ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 22 (อุบลราชธานี – กรุงเทพ)
– ขบวนรถด่วนที่ 67/68 (กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ)
– ขบวนรถเร็วที่ 139/140 (กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ)
– ขบวนรถเร็วที่ 141/142 (กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ)
– ขบวนรถเร็วที่ 145 (กรุงเทพ – อุบลราชธานี)
– ขบวนรถด่วนที่ 77/78 (กรุงเทพ – หนองคาย – กรุงเทพ)
– ขบวนรถเร็วที่ 133/134 (กรุงเทพ – หนองคาย – กรุงเทพ)
3. สายใต้ จำนวน 8 ขบวน (ไป – กลับ)
– ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 37/38 (กรุงเทพ – หาดใหญ่ – กรุงเทพ)
– ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 45/46 (กรุงเทพ – หาดใหญ่ – กรุงเทพ)
– ขบวนรถด่วนที่ 85/86 (กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช – กรุงเทพ)
– ขบวนรถเร็วที่ 167/168 (กรุงเทพ – กันตัง – กรุงเทพ) งดเดินขบวนรถ
วันที่ 4 เมษายน 2563
1. สายเหนือ จำนวน 1 ขบวน (ไป – กลับ)
– ขบวนรถเร็วที่ 102 (เชียงใหม่ – กรุงเทพ)
2. สายตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 2 ขบวน (ไป – กลับ)
– ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 21 (กรุงเทพ – อุบลราชธานี)
– ขบวนรถเร็วที่ 146 (อุบลราชธานี – กรุงเทพ)
3. ขบวนรถชานเมือง สายมหาชัย – วงเวียนใหญ่ จำนวน 22 ขบวน
4. ขบวนรถท้องถิ่น แม่กลอง – บ้านแหลม จำนวน 8 ขบวน (งดทุกขบวน)
วันที่ 5 เมษายน 2563
1. ขบวนรถชานเมืองสายเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 7 ขบวน (ไป-กลับ)
2. ขบวนรถธรรมดาสายเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 8 ขบวน (ไป-กลับ)
3. ขบวนรถท้องถิ่นสายเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 25 ขบวน (ไป-กลับ)
วันที่ 7 เมษายน 2563
1. สายเหนือ จำนวน 2 ขบวน (ไป-กลับ)
– ขบวนรถด่วนพิเศษ ที่ 7/8 (กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ)
2. สายตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 5 ขบวน (ไป-กลับ)
– ขบวนรถด่วนที่ 71/72 (กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ)
– ขบวนรถเร็วที่ 146 (อุบลราชธานี – กรุงเทพ)
– ขบวนรถด่วนที่ 75/76 (กรุงเทพ – หนองคาย – กรุงเทพ)
3. สายใต้ จำนวน 2 ขบวน (ไป-กลับ)
– ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 43/40 (กรุงเทพ – สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพ)
4. ขบวนรถชานเมืองสายใต้และตะวันออก จำนวน 10 ขบวน (ไป-กลับ)
5. ขบวนรถธรรมดาสายใต้และตะวันออก จำนวน 20 ขบวน (ไป-กลับ)
6. ขบวนรถท้องถิ่นสายใต้ จำนวน 8 ขบวน (ไป-กลับ)
7. ขบวนรถรวมสายใต้ จำนวน 2 ขบวน (ไป-กลับ
ปิด ”สนามบินภูเก็ต”
ขณะที่การขนส่งทางอากาศ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) ได้ลงนามในคำสั่งสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่องการระงับการดำเนินงานของสนามบินภูเก็ต จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.เวลา 00.00 น.ถึงวันที่ 30 เม.ย.เวลา 23.59 น.
เป็นการระงับการดำเนินงานของสนามบินภูเก็ต ยกเว้น ให้บริการอากาศยานราชการหรือที่ใช้ในราชการทหาร อากาศยานที่ขอลงฉุกเฉิน อากาศยานที่ขอลงทางเทคนิค อากาศยานที่ทำการบินเพื่อให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ทำการบินการแพทย์ หรือการขนส่งสิ่งของเพื่อสงเคราะห์แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด อากาศยานที่ได้รับอนุญาตให้ทำการบินรังส่งบุคคลกลับภูมิลำเนาและอากาศยานขนส่งสินค้า
”แอร์ไลน์”แห่งดบิน
ส่วนผู้ประกอบการสายบินต่างๆ เริ่มที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ออกประกาศหยุดทำการบินเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – 31 พ.ค.นี้
ด้านบริษัทลูกอย่างบริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด ได้ออกประกาศยกเลิกเที่ยวบินเช่นกัน มีผลตั้งแต่วันที่ 7 – 30 เม.ย.นี้
ด้านบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส แจ้งยกเลิกการปฏิบัติการบินทุกเส้นทางภายในประเทศเป็นการชั่วคราว ระหว่างวันที่ 7 – 30 เม.ย. และสายการบินไทยแอร์เอเชียก็ได้แจ้งหยุดทำการบินชั่วคราวเช่นกัน โดยเส้นทางระหว่างประเทศ หยุดระหว่าง 22 มี.ค. – 25 เม.ย.นี้ ส่วนเส้นทางภายในประเทศหยุดระหว่าง 1 เม.ย.นี้
6 สนามบินทอท.มีผู้โดยสารเหลือหมื่นคน
ขณะที่นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บมจ.ท่าอากาศยานไทย(ทอท.) กล่าวว่า หลังจากเกิดไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้โดยสารมาใช้บริการสนามบินทั้ง 6 แห่ง อยู่ในความดูแลของทอท. ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ แม่ฟ้าหลวง หาดใหญ่ ภูเก็ต มีสถิติที่ลดลงเรื่อยๆ ปัจจุบันโดยรวมประมาณ10,000 คน เทียบจากปีก่อน 3.9 แสนคน
ขณะนี้ยังไม่มีอผนจะปิดสนามบิน เนื่องจากการรัฐบาลยังไม่มีคำสั่งหรือประกาศให้ปิด โดยหลักการแล้ว รัฐบาลต้องเป็นผู้ประเมินสถานการณ์และสั่งการ เช่นให้ปิดเชิงพาณิชย์ แต่ต้องสามารถรองรับไฟล์ทฉุกเฉิน ฯลฯ เป็นต้น
ปรับเวลาเดินเรือข้ามฟาก
ส่วน”ทางน้ำ”กรมเจ้าท่าแจ้งว่า บริษัท สุภัทรา จำกัด ผู้ให้บริการเรือข้ามฟากสาธารณะ จะปรับเวลาการให้บริการเรือโดยสารใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 – 30 เม.ย.2563
1. วันจันทร์ – วันศุกร์ เปิดให้บริการเรือข้ามฟาก ดังนี้
เส้นทางท่าวังหลัง – ท่าพระจันทร์ ให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00 น . – 18.00 น.
เส้นทางท่าวังหลัง – ท่ามหาราช ให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00 น. – 20.00 น.
เส้นทางท่าวังหลัง – ท่าช้าง และ ท่าช้าง – วัดระฆัง งดให้บริการ
2. วันเสาร์ – วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดให้บริการเรือข้ามฟาก ดังนี้
เส้นทางท่าวังหลัง – ท่าพระจันทร์. ให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00 น. – 18.00 น.