อสังหารายได้พุ่ง 4.5 หมื่นล้าน Q2 เดือดลุยสงครามราคา

อสังหาริมทรัพย์

ไตรมาส 1/64 ผลประกอบการ 14 อสังหาฯ รายได้อู้ฟู่ 45,333 ล้าน กำไร 7,141 ล้าน “เอพี-ไรมอนแลนด์-แอสเซทไวส์” ท็อปฟอร์มกำไรโต 100% จับตาเทรนด์ตลาดไตรมาส 2 หนีตายโควิด-19 ตะลุมบอนแข่งสงครามราคาระบายสต๊อกบ้าน-คอนโดฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/64 ของ 14 บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯยังโดดเด่น แม้ก่อนหน้านี้จะอยู่ในช่วงยากลำบากภายใต้สถานการณ์โควิดรอบ 2 (โควิดสมุทรสาคร) ช่วงปลายปี 2563 โดยสามารถทำรายได้และกำไรเติบโต 2-3 ดิจิต ขณะที่สถานการณ์โควิดรอบ 3 ตั้งแต่ 1 เมษายน 2564 จนถึงปัจจุบัน ทำให้สงครามราคาที่เกิดจากการแข่งขันจัดโปรโมชั่นระบายสต๊อกบ้าน และคอนโดมิเนียมยังรุนแรงต่อเนื่อง

14 บริษัทรายได้รวม 45,333 ล้าน

“ประชาชาติธุรกิจ” สำรวจผลประกอบการ 14 บริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แก่ 1.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 2.ควอลิตี้ เฮ้าส์ หรือคิวเฮ้าส์ 3.เอพี ไทยแลนด์ 4.เฟรเซอร์ส โฮม 5.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ 6.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ 7.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชัน 8.ศุภาลัย 9.ไรมอนแลนด์ 10.แอสเสทไวส์ 11.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ 12.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ 13.โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์ และ 14.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค

พบว่าเมื่อเรียงลำดับรายได้ไตรมาส 1/64 อันดับ 1 เอพี ไทยแลนด์ มีรายได้ 8,879 ล้านบาท เติบโต 72% รองลงมาค่ายแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ รายได้ 7,140 ล้านบาท โต 41%, เอสซี แอสเสทฯ 3,965 ล้านบาท โต 20%, ออริจิ้นฯ 3,869 ล้านบาท โต 60%, ศุภาลัย 3,620 ล้านบาท ทรงตัว

เฟรเซอร์ส โฮม รายได้ 3,163 ล้านบาท ลดลง -12%, อนันดาฯ 3,059 ล้านบาท โต 64%, โนเบิล 2,424 ล้านบาท โต 16%, เพอร์เฟค รายได้ 2,290 ล้านบาท ลดลง -13%, คิวเฮ้าส์ 1,868 ล้านบาท โต 15%, ไรมอนแลนด์ 1,574 ล้านบาท โต 322%, เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ 1,254 ล้านบาท ลดลง -58%, แอสเสทไวส์ 1,173 ล้านบาท โต 98% และ LPN รายได้ 1,056 ล้านบาท ลดลง -29%

ทั้งนี้ เอพี ไทยแลนด์ มีรายได้จากการขายอสังหาฯ 8,879 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 1/63 ที่มีรายได้การขาย 5,162 ล้านบาท ผลงานเด่นมาจากยอดขายโครงการแนวราบเป็นหลัก และเมื่อรวมกับรายได้ค่าบริการและค่าบริหารจัดการอีก 227 ล้านบาท ทำให้ไตรมาส 1/64 บริษัทมีรายได้รวม 9,106 ล้านบาท

กำไรรวมทะลุ 7,000 ล้าน

ในด้านกำไรสุทธิไตรมาส 1/64 ของ 14 บริษัทรวมกันอยู่ที่ 7,141 ล้านบาท โดยเรียงลำดับจำนวนเงินพบว่า อันดับ 1 เป็นของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 1,744 ล้านบาท เติบโต 29% รองลงมา เอพี ไทยแลนด์ 1,403 ล้านบาท โต 127%, ออริจิ้นฯ 825 ล้านบาท โต 38%, ศุภาลัย กำไร 741 ล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีที่แล้ว

โนเบิลฯมีกำไร 484 ล้านบาท โต 17%, คิวเฮ้าส์ 431 ล้านบาท โต 16%, เอสซี แอสเสทฯ กำไร 417 ล้านบาท โต 39%, แอสเสทไวส์ กำไร 320 ล้านบาท โต 361%, ไรมอนแลนด์ 138 ล้านบาท โต 199%, LPN กำไร 122 ล้านบาท ลดลง -43%

“เอพี-RML-ASW” ท็อปฟอร์มกำไร

ทั้งนี้ การเติบโตของกำไรสุทธิไตรมาส 1/64 ในด้านเปอร์เซ็นต์พบว่า มี 3 บริษัทที่สามารถฝ่าด่านสถานการณ์โควิดจนสร้างการเติบโตเกิน 100% เทียบกับไตรมาส 1/63 ได้แก่ เอพี ไทยแลนด์ กำไร 1,403 ล้านบาท เติบโต 127% เทียบกับไตรมาส 1/63 ที่มีกำไรสุทธิ 618 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิอยู่ในระดับสูง 15.4% เพิ่มขึ้น 4.0% จากไตรมาส 1/63 ที่มีอัตรากำไรสุทธิ 11.4% บริษัทเน้นรักษาสัดส่วนหนี้สินต่อทุน 0.61 เท่า

จุดโฟกัสของเอพี ไทยแลนด์ มาจากรายได้การขายสินค้าแนวราบ 8,040 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82.6% จาก 4,403 ล้านบาทในไตรมาส 1/63 แบ่งเป็นรายได้บ้านเดี่ยว 3 โครงการ และต่างจังหวัด 2 โครงการ เริ่มโอนกรรมสิทธิ์ ได้แก่ 1.The City สุขุมวิท-อ่อนนุช 2.Centro พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา 3.The City บรมราชชนนี-ทวีวัฒนา 4.Api Town นครศรีธรรมราช และ 5.Api Town อยุธยา ที่เพิ่งเปิดขายในไตรมาส 1/64

แอสเสทไวส์ หรือ ASW กำไร 320 ล้านบาท เติบโต 361% คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 25.7% นับเป็นการเติบโตสวนกระแสและโดดเด่น หลังจากนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัทมีแบ็กล็อก (ยอดขายรอโอน) 7,500 ล้านบาท และประกาศแผนเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่องมูลค่า 9,700 ล้านบาท

โดยไตรมาส 1/64 เดินหน้าเปิดแคมปัสคอนโดฯ แบรนด์ “เคฟ ศาลายา” ทำเลใกล้มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา มูลค่าโครงการ 1,150 ล้านบาท ล่าสุดมียอดขายแล้ว 60% ของจำนวนห้องที่เปิดขาย สะท้อนให้เห็นถึง real demand ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ถ้าสามารถนำเสนอสินค้าที่อยู่อาศัยได้ตอบโจทย์ลูกค้า โดยบริษัทมั่นใจด้วยว่าจนถึงสิ้นปี 2564 จะสามารถสร้างการเติบโตยอดขายได้อีก 20%

ส่วนไรมอนแลนด์ หรือ RML ที่มีกำไรไม่สูงมากนัก 138 ล้านบาท แต่มีการเติบโต 199% มาจากการพลิกสถานะผลประกอบการจากกำไรติดลบในไตรมาส 1/63 จำนวน -139 ล้านบาท มาเป็นมีกำไร 138 ล้านบาท ดังกล่าว นับเป็นอีกบริษัทที่ต้องจับตามอง หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารหลัก จากเดิมที่มีนักลงทุนตระกูลลีจากสิงคโปร์ มาเป็นตระกูลณรงค์เดช โดยบริษัทมีแบ็กล็อก 5,798 ล้านบาท ยอดขาย (พรีเซล) 1,036 ล้านบาท

Q2 ตะลุมบอนสงครามราคา

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์โควิดรอบที่ 3 ซึ่งเริ่มพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่เพิ่มขึ้นสูงตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 ถึงปัจจุบัน บนความพยายามเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชน 70% หรืออย่างน้อย 50 ล้านคน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่และเป็นโอกาสเดียวในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง

ในขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 2/64 มีเดิมพันสูงเพราะปัจจัยโควิดรอบ 3 กลายเป็นวิกฤตกำลังซื้อ ส่งผลให้ดีเวลอปเปอร์ต้องเผชิญกับการทำสงครามราคาและการตลาด เพื่อเร่งขายระบายสต๊อกที่อยู่อาศัยและตุนเงินสดให้มากที่สุด

อาทิ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จัดโปรฯสินค้าแนวราบ “3 Steps to Perfect Home คลายกังวลเพื่อคนซื้อบ้าน” สำหรับยอดจองซื้อภายในพฤษภาคม 2564 รับสิทธิพิเศษดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนต่ำ นาน 3 ปี โดยปี 1-3 ดอกเบี้ย 1%-2%-3% ตามลำดับ เมื่อซื้อบ้านแบรนด์ Perfect Residence ราคา 9-15 ล้านบาท, Perfect Place ราคา 5-14 ล้านบาท, Perfect Park บ้านซีรีส์ใหม่ ราคา 3.89-6 ล้านบาท และ Lake Forest เริ่มต้น 3.59 ล้านบาท และ Living Package สูงสุด 500,000 บาท

ส่วนคอนโดฯซึ่งบริษัทไม่มีการลงทุนโครงการใหม่ปีนี้เป็นปีที่ 3 เน้นระบายสต๊อกในมือ จัดโปรฯให้อยู่ฟรี 30 เดือน ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน 6 รายการ ฟรีเฟอร์นิเจอร์ครบแต่งเหมือนห้องตัวอย่าง จอง 999 บาท

ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จัดโปรฯ “ออริจิ้น Ready To Move” ซื้อบ้านและคอนโดฯพร้อมอยู่ ลุ้นรับรถยนต์และของรางวัลอื่น ๆ มูลค่า 1.8 ล้านบาท ส่วนลดสูงสุดแสนบาท จอง 5,000 บาท ราคาเริ่ม 1.69 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่โอนกรรมสิทธิ์บ้าน-คอนโดฯในเครือ ภายใน 31 พฤษภาคมนี้ ประกาศรายชื่อผู้โชคดีในวันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน 2564

บริษัทชีวาทัย ระบายสต๊อกห้องชุด “ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค จรัญฯ 13” ลูกค้าที่โอนภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ รับฟรีเครื่องใช้ไฟฟ้า ทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ฟรีทุกค่าใช้จ่ายวันโอน ส่วนลดสูงสุด 5 แสนบาท และโปรฯ “ราคาดี ไม่มีดาวน์” สำหรับการจองชีวาทัย ปิ่นเกล้า ภายในพฤษภาคม 2564 ฟรีค่าส่วนกลาง 1 ปี, เฟอร์นิเจอร์ครบชุด, digital door lock, ส่วนลดสูงสุด 3 แสนบาท, ฟรีดาวน์งวดแรก-งวดธันวาคม 2564

แคมเปญจัดหนักอยู่ฟรี 3 ปี

ผู้สื่อข่าวสำรวจการจัดแคมเปญโปรโมชั่นในช่วงไตรมาส 2/64 พบว่ามีความร้อนแรงกว่าเดิมเมื่อเทียบกับปี 2563 และไตรมาส 1/64 ซึ่งมีแคมเปญยอดนิยมคือ อยู่ฟรี 2 ปี ของค่ายแสนสิริ จนทำให้คู่แข่งต้องจัดโปรโมชั่นประกบ ล่าสุดมีการออฟเฟอร์ให้เลือกอยู่ฟรี 3 ปี

โดยกลุ่มพฤกษาเรียลเอสเตท จัดโปรฯมาราธอนยาว 3 เดือน ตลอดไตรมาส 2/64 ต่อเนื่อง “พฤกษา คุ้ม จบทุกดีล” นำบ้านและคอนโดฯ 131 โครงการ ให้เลือกสำหรับลูกค้าจองซื้อภายใน 30 มิถุนายน และโอนภายใน 31 กรกฎาคม 2564 รับฟรีสูงสุด 3 รายการ 1.อยู่ฟรีสูงสุด 36 เดือน 2.ฟรีค่าส่วนกลางสูดสุด 36 เดือน และ 3.ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน ส่วนลดเงินสดเพิ่มเติม มูลค่าตลอดแคมเปญ 48 ล้านบาท ตั้งเป้าระบายสต๊อกภายใต้แคมเปญนี้ 5,400 ล้านบาท