“Grab-Gojek-Bolt” ลุยคาร์แชริ่งถูกกฎหมาย 50 สหกรณ์แท็กซี่ค้านสุดตัว

แกรบ Grab
FILE PHOTO : grab.com/

คมนาคมเดินหน้าดันโครงการ “เรียกรถผ่านแอป” นำรถบ้านวิ่งรับส่งผู้โดยสารเข้าระบบกฎหมาย อธิบดีขนส่งทางบกเผยยักษ์แอปคาร์ 3 รายยื่นขอจดทะเบียนให้บริการในไทย ด้าน 50 สหกรณ์แท็กซี่มิเตอร์เตรียมเคลื่อนไหวคัดค้าน นายใหม่แกร็บ ประเทศไทย “อเลฮานโดร โอโซริโอ” เผยพร้อมสุดขีดทั้งการแข่งขันและบริการ

นโยบายหาเสียงพรรคภูมิใจไทยในการผลักดันรถบ้านวิ่งรับส่งผู้โดยสารได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายมีความคืบหน้าเป็นลำดับ อัพเดตล่าสุดมีผู้ประกอบการแอปแสดงตัวขอจดทะเบียนเป็นผู้ให้บริการแอปตามนโยบาย “การเรียกรถผ่านแอป” แล้วอย่างน้อย 3 ราย

3 ยักษ์แอปแห่จดทะเบียน

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กระทรวงคมนาคม เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. …แล้ว ความคืบหน้าล่าสุด มีผู้ประกอบการแอปพลิเคชั่นที่แสดงความสนใจขอเข้าจดทะเบียนกับกรมแล้วอย่างน้อย 3 รายคือ Grab, Gojek และ Bolt คาดว่ายังมีผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ทยอยเข้ามาจดทะเบียนเพิ่มขึ้นอีก

ส่วนความคืบหน้าการออกกฎกระทรวงซึ่งเป็นขั้นตอนดำเนินการหลังจาก ครม.มีมติเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2564 ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจร่างโดยคณะกรรมการกฤษฎีกา คาดว่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ปลายเดือนมิถุนายน 2564

ออกประกาศ 5 ฉบับรองรับ

ในระหว่างนี้ กรมกำลังจัดทำประกาศตามกฎกระทรวง เบื้องต้นวางไว้ว่าจะมีประกาศกรมการขนส่งทางบกรองรับ 5 ฉบับ กำหนดสาระสำคัญครอบคลุมเงื่อนไขและรายละเอียดด้านต่าง ๆ เช่น ขั้นตอนการจดทะเบียน, โครงสร้างราคาค่าโดยสาร, คุณสมบัติรถยนต์ส่วนบุคคล และการรับรองแอปพลิเคชั่น เป็นต้น โดยทยอยประกาศใช้ตามหลังกฎกระทรวง ซึ่งมีเงื่อนไขว่าต้องจัดให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หลังจากนั้นจึงจะเปิดให้มีการลงทะเบียนอย่างเป็นทางการต่อไป

อธิบดีกรมการขนส่งทางบกกล่าวต่อว่า สำหรับการคัดค้านของแท็กซี่มิเตอร์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ได้รับมอบหมายจากนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งกำชับให้กรมเร่งทำความเข้าใจ ทั้งนี้ แท็กซี่มิเตอร์ในระบบ กรมมีการจัดทำแอปขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับเป็นทางเลือกให้ใช้แทน GPS เบื้องต้นกำหนดให้การใช้งานแอปมีความสามารถในการติดตามรถแท็กซี่เพื่อความปลอดภัย

ขณะเดียวกันผู้โดยสารสามารถเรียกใช้บริการแท็กซี่มิเตอร์ผ่านแอปได้เช่นเดียวกันกับการเรียกรถผ่านแอปที่เป็นนโยบายใหม่ โดยแอปสำหรับแท็กซี่มิเตอร์อยู่ระหว่างการพัฒนา คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2564 นี้

50 สหกรณ์แท็กซี่คัดค้าน

นายวรพล แกมขุนทด นายกสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า โครงการ “เรียกรถผ่านแอป” มีเสียงคัดค้านจากสมาชิกกลุ่มสหกรณ์รถแท็กซี่ 50 กลุ่ม สมาชิกรวม 2 แสนราย ขณะที่มี 1-2 กลุ่มที่เห็นด้วยกับนโยบาย อาทิ สหกรณ์แท็กซี่สุวรรณภูมิ และเนื่องจากเป็นเรื่องใหม่ที่อยู่ในขั้นตอนดำเนินการเข้าระบบกฎหมาย กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยมีการนัดหารือเพื่อกำหนดท่าทีในการคัดค้านในวันที่ 12 มิถุนายนนี้

“แนวทางการคัดค้านเตรียมยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการกฤษฎีกา คัดค้านการพิจารณากฎกระทรวง และขอให้ระงับการลงราชกิจจานุเบกษาในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ หากไม่สำเร็จเตรียมยื่นศาลปกครองขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระงับการบังคับใช้กฎกระทรวง และจะฟ้องคดีอาญามาตรา 157 ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่่กับ ครม.ทั้งคณะ, รมต.ศักดิ์สยาม (ชิดชอบ) และอธิบดีกรมการขนส่งฯ”

นายวรพลกล่าวว่า นอกจากนี้ วางแผนไปยื่นคัดค้านที่กระทรวงดีอีเอสให้ปิดแอปเรียกรถส่วนบุคคล และจะฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายจากบริษัทผู้พัฒนาแอป ข้อหาละเมิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.รถยนต์ 2522 ทำให้ผู้ประกอบการรถแท็กซี่ทั้งระบบสูญเสียรายได้ ส่วนวงเงินเรียกร้องค่าเสียหายกำลังประเมินตัวเลขและยังไม่ได้ข้อสรุป

แกร็บพร้อมแข่ง-พร้อมบริการ

นายอเลฮานโดร โอโซริโอ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทยคนใหม่ เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างกฎกระทรวง ให้รถบ้านสามารถให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสารอย่างถูกกฎหมาย นับเป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่ประเทศไทยจะปรับบริการด้านคมนาคมให้ทันสมัย (modernize) โดยกฎหมายใหม่นี้ดำเนินการไปในทิศทางที่ถูกต้อง ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันที่มองหาบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชั่นเพราะมีความสะดวกสบาย โปร่งใสด้านราคา และการบริการปลอดภัย

“ที่สำคัญเปิดโอกาสให้คนไทยหลายพันคนทั่วประเทศที่สนใจหารายได้จากรถยนต์ส่วนบุคคลที่มีอยู่ ผ่านการให้บริการรับ-ส่ง ทั้งรูปแบบงานประจำและงานเสริม ในกรณีนี้ แกร็บพร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาล กระทรวงคมนาคม และกรมการขนส่งทางบก ในการสนับสนุนและพัฒนาแผนงานให้มีความสมดุล โดยการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับบริการเรียกรถผ่านแอป รวมทั้งการแชร์ประสบการณ์ของแกร็บในประเทศต่าง ๆ”

กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทยกล่าวต่อว่า แกร็บสนับสนุนการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพาร์ตเนอร์ (เจ้าของรถที่ให้บริการแกร็บคาร์) เช่น การลงทะเบียนคนขับ, ขอการรับรองจากกรมการขนส่งทางบกในช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าระบบกฎหมาย ที่สำคัญบริษัทคาดหวังว่าภาครัฐสนับสนุนการกำหนดราคาค่าโดยสารให้มีความยืดหยุ่น เพื่อให้เป็นไปตามกลไกซัพพลาย-ดีมานด์ของตลาด โดยใช้รูปแบบกำหนดราคาแบบพลวัต (dynamic pricing) และปรับราคาขึ้นในช่วงเวลาพิเศษ (surge pricing) ได้ เพื่อให้มีจำนวนรถบริการเพียงพอในระบบ สามารถตอบสนองการใช้งานจริงในช่วงเวลาเร่งด่วนหรือกรณีพิเศษ เช่น ฝนตก

“สิ่งที่หลายคนกังวลว่าตลาดบริการเรียกรถผ่านแอปจะมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามามากขึ้น เราขอพูดตรงนี้ว่าแกร็บไม่มีความกังวลใด ๆ ทั้งสิ้น ยินดีต้อนรับคู่แข่งขันผู้ประกอบการหน้าใหม่ ๆ ทุกรายเข้าสู่ตลาด ประชาชนเป็นผู้ได้รับประโยชน์เต็ม ๆ”