
พิชิต มั่นใจคุณสมบัติไม่ขัด เผยเตรียมถกแก้ รธน. ย้ำชัดต้องสำเร็จภายใต้รัฐบาลเศรษฐา ยันไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 และไม่แตะเรื่องพระราชอำนาจ
เมื่อวันที่ 19 ก.ย.66 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงงานที่ได้รับมอบหมายจากนายกฯ ว่าดูหลายเรื่องตามที่ได้รับมอบหมาย ทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญ เรื่องกฎหมาย และอื่นๆ ที่เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่แถลงเอาไว้ต่อรัฐสภา
- ราคายางใกล้แตะ 50 บาท/กก. กระทบโรงงานน้ำยางข้นต้นทุนพุ่ง-จ่อปิดตัว
- เตือน 10 จังหวัด เตรียมพร้อมยกของขึ้นที่สูง รับมือสถานการณ์น้ำ
- ตำรวจไซเบอร์ บุกค้นบ้านบิ๊กโจ๊ก หลังพบเอี่ยวเครือข่ายพนันออนไลน์
เมื่อถามว่ารัฐธรรมนูญจะแก้ไขหรือร่างขึ้นมาใหม่ นายพิชิต กล่าวว่า จะมาหารือกันวันนี้ เบื้องต้นคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ตั้งคณะกรรมการ มอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เป็นผู้รับผิดชอบ ตอนนี้มาปรึกษารูปแบบและวิธีการ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของพรรคช่วงหาเสียง ส่วนตนเองจะอยู่ในคณะกรรมการหรือไม่นั้น กำลังหารือกัน
วันนี้คงพูดคุยกันในหลายประเด็น เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะมีประเด็นทั้งการแก้รายมาตราและแก้ทั้งฉบับ จึงต้องพูดคุยกันหลายประเด็น แต่จะทำให้การแก้ไขธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยมากที่สุด และจะทำให้สำเร็จในสมัยรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลังให้ได้
ทั้งนี้ การแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับมีกรอบวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยเอาไว้แล้วว่าต้องทำอย่างไร การแก้ไขก็ต้องทำให้สำเร็จ และการแก้ไขในหมวด 1 หมวด 2 นั้น เราจะทำได้หรือไม่ เพียงใด และจะทำให้ร่างแก้ไขผ่านวาระแรกได้หรือไม่ จึงต้องมีการพิจารณาหลายทาง ตอนนี้มีหลักคิดว่าเมื่อถึงเวลาที่บ้านเมืองกลับสู่ประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์แบบ จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่แถลงนโยบายไว้ เพื่อมอบเป็นของขวัญกับประชาชนทั้งประเทศ
“ตอนนี้ยังยืนยันอะไรไม่ได้ แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทยไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 และไม่แตะเรื่องพระราชอำนาจ ซึ่งการสร้างกระบวนการการมีส่วนร่วม ส่วนตัวคิดว่าจะต้องทำให้หลายภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม ในฐานะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง และรับฟังความเห็นของทุกฝ่ายให้มากที่สุด โจทย์ของเราคือความสำเร็จ” นายพิชิต กล่าว
เมื่อถามถึงคดีถุงขนมที่ถูกสังคมตั้งคำถาม มีความมั่นใจหรือไม่ นายพิชิต กล่าวว่า ทราบว่ากฤษฎีกาไม่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามการเป็นรัฐมนตรี ตอนนี้ตนไม่ยึดติดตำแหน่ง เพราะเป็นคนทำงาน ขอทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ตอนนี้เขาให้โอกาส ตนก็จะทำงานให้เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ประชาชนให้มากที่สุด
ด้านกฎหมาย อยากจะทำให้เกิดความเป็นธรรม สร้างกระบวนการหลักนิติธรรมให้เกิดกับประเทศชาติและประชาชนให้มากที่สุด ยืนยันว่าไม่มีอะไร ตนจิตไม่ตก จะดีหรือชั่วก็อยู่ที่ตัวเอง และให้เป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมาย โดยวันนี้มอบหมายให้นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ยื่นฟ้อง ตนไม่ได้โกรธแค้น เพียงแค่อยากให้สังคมรับรู้ หากมีการล่วงเกินกันเกินไปก็ต้องใช้สิทธิตามกฎหมาย