โคก หนอง นา โอกาสเพื่อคนทุกคนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

“โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา จะเป็นการพลิกโฉมประเทศไทยในหลาย ๆ ด้าน และเป็นการให้โอกาสกับทุกคนในสังคมอย่างแท้จริง” นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) เล่าถึงโอกาสที่โครงการได้มอบให้คนทุกกลุ่มในประเทศ พร้อมกับการที่หลายพื้นที่หลายจังหวัดกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงพลิกโฉมครั้งใหญ่


นายสุทธิพงษ์ เปิดเผยถึงหัวใจสำคัญว่าได้เปิดมิติใหม่ ในแง่ของการเปิดโอกาสให้คนไร้รัฐหรือคนที่เป็นกลุ่มชนต่าง ๆ และคนด้อยที่โอกาสในสังคมได้เข้ามาร่วมกันเต็มที่ โดยรัฐจะให้การดูแลช่วยเหลือ เพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสสำคัญในชีวิต อาทิ การเปิดโอกาสให้ผู้ที่ผ่านโครงการโคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวังมีชีวิตใหม่ เมื่อเขาเหล่านั้นพ้นโทษออกมาอยากจะเป็นพนักงานมีรายได้ ได้รับเงินเดือน ก็มาสานต่อได้ พวกเขาก็มีความสุข มีความภาคภูมิใจ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ถือว่ามีความสำคัญมากต่อสังคม เพราะถ้าเราไปดูกฎระเบียบการบริหารราชการ ระเบียบหน่วยงานต่าง ๆ การบริหารงานบุคคลไม่เคยมีปรากฏมาก่อนว่าจะเปิดโอกาสให้คนที่เคยมีประวัติ ได้มีโอกาสทำงานกินเงินเดือนของทางราชการ แต่พอเขามีองค์ความรู้จากโครงการโคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง มาจนถึงการน้อมนำตามหลักทฤษฎีใหม่มาประยุกต์สู่โคก หนอง นา พวกเรามีมุมมองที่สำคัญว่าถ้าเราไม่ให้โอกาสเขาเหล่านี้ ก็เท่ากับว่าปิดโอกาสและอาจทำให้เขากลับไปกระทำความผิดซ้ำ แล้วสิ่งที่จะตามมาก็คือจะมีผู้ที่เดือดร้อนรวมทั้งครอบครัวคนที่กระทำความผิดก็ต้องเดือดร้อนอีก เพราะคนในครอบครัวที่ตัวเองรักต้องไปอยู่ในเรือนจำ ถ้ามีลูกหลานก็ส่งผลถึงเรื่องปัญหาครอบครัว อีกกลุ่มคนที่เดือดร้อน คือ คนทั่วไปที่อยู่ในสังคมอาจจะถูกลูกหลงเหตุอาชญากรรม

จากจุดนี้เองทำให้คิดว่า ถ้าสังคมให้โอกาสคนที่เคยหลงผิดไปจะยังมีที่ยืนในสังคมได้ ซึ่งต้องเริ่มจากการที่เราต้องมีหนทางให้พวกเขาเดินต่อ และจากผลการดำเนินการที่ผ่านมาก็เริ่มมีผู้ที่เอาแปลง มาเข้าร่วมโครงการหลังพ้นโทษ มีมากกว่า 20 รายแล้ว รวมถึงมี อีก 68 รายที่เข้ามาเป็นนักพัฒนาพื้นที่ต้นแบบด้วย


อีกกลุ่มคน ที่โครงการนี้มอบโอกาสให้ คือ กลุ่มคนที่อยู่บนที่สูง อยู่ในเขตอุทยาน ในเขตป่าสงวน พวกเขาเหล่านี้ มีทั้งคนที่มีสัญชาติและไม่มีสัญชาติ หลายคนไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ไร้รัฐ ไร้ราก จะเอางบประมาณไปดำเนินการ เพื่อให้เขามีอ่างเก็บน้ำดี ๆ มีถนนหนทางดี ๆ ก็ทำได้ลำบาก พวกเขาได้รับโอกาสน้อยมากในสังคม เป็นเหมือนพลเมืองชั้นสอง ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่เราเริ่มดำเนินการก็มีคนจากกลุ่มนี้มาร่วมโครงการเกือบ 2,000 ครอบครัวแล้ว ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ โดยเฉพาะใน อ.แม่แจ่ม จะเยอะมาก รวมถึงยังมีที่ จ.ตาก และ จ.กาญจนบุรี ที่มาเข้าร่วมอีกจำนวนมาก


จุดนี้เป็นสิ่งที่ยิ่งตอกย้ำได้ว่า คุณภาพชีวิตของพวกเขาจะดีขึ้นและจะช่วยแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าทำไร่เลื่อนลอยก็จะลดลงไป ขณะเดียวกันก็จะมีไม้ยืนต้นเพิ่มจำนวนขึ้นมาก แถมยังทำให้ปัญหาเรื่องการเผาป่าจะลดลงไปอีก เพราะอย่างที่เรียนไปให้ทราบว่าโครงการนี้เน้นกสิกรรมธรรมชาติ แล้วจะไม่มีการเผาใด ๆ จะนำเศษซากไปใช้ประโยชน์มากที่สุด แถมดินก็จะอุดมสมบูรณ์ ส่วนกลุ่มคนต่าง ๆ ก็ไม่ต้องย้ายที่ไปทำมาหากินที่อื่น โครงการนี้จึงเป็นมิติใหม่ถือว่าสร้างโอกาสสร้างความเสมอภาคให้กับพี่น้องที่ด้อยโอกาสมากกว่าคนอื่นได้มีโอกาสที่ดีของชีวิต

อีกความสำเร็จ จากผลของการที่เราน้อมนำตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่โคก หนอง นา มาดำเนินการก็เกิดปรากฏการณ์ที่น่าดีใจคือ หน่วยราชการ-เอกชนจำนวนมาก รวมทั้งวัดและมหาวิทยาลัย ทุกภาคส่วนได้เล็งเห็นประโยชน์ของโครงการและมองว่าเป็นเรื่องที่ดี จึงมีผู้เข้ามาเสนอตัวเป็นภาคีเครือข่ายร่วมมือกับ

ทางกรมการพัฒนาชุมชน ด้วยการแสดงเจตจำนงนำที่ดินแต่ละหน่วยงาน แต่ละองค์กรที่มีอยู่จำนวนมาก มาเข้าร่วมโครงการเพื่อทั้งช่วยเหลือคนยากจนที่ไม่มีที่ทำกิน และคนที่ประสบปัญหาในเรื่องของการทำมาหากินในรูปแบบโคก หนอง นา เพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก อย่างเช่น วัดบวรนิเวศวิหารก็มีที่อยู่ที่ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ประมาณ 200-300 ไร่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม ท่านก็มอบที่ดินที่สำนักปฏิบัติธรรม ที่เขาแม่ชี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เกือบ 100 ไร่ และยังมีลูกศิษย์ของวัดต่าง ๆ มอบที่ดินที่จังหวัดเพชรบูรณ์และอีกหลายจังหวัดมาให้อีก ส่วนนี้จะทำให้กรมการพัฒนาชุมชนไปดำเนินการโครงการช่วยคนได้ในอีกหลายพื้นที่นับพันไร่

ขณะเดียวกันความร่วมมือในภาคส่วนของมหาวิทยาลัย ก็มีมหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตสระแก้วเตรียม อีก 200- 300 ไร่ เพื่อจะช่วยให้คนยากไร้เข้าร่วมทำโครงการ แถมพื้นที่ตรงนี้จะมีความสำคัญคือจะได้เป็นศูนย์เรียนรู้ระดับนานาชาติได้ เนื่องจากก็เป็นพื้นที่ติดกับประเทศกัมพูชา ส่วนสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ก็มีวิทยาเขตอยู่ที่ จ.ชุมพร และที่ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ก็ได้ส่งมอบที่ทั้งสองมาเข้าร่วมโครงการ อีกมากกว่า 100 ไร่ มหามงกุฏราชวิทยาลัย อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ก็เตรียมพื้นที่มาทำโคก หนอง นา หลายสิบไร่ หรือแม้กระทั่งโรงงานยาสูบมีพื้นที่ 15 ไร่ที่ จ.เชียงใหม่ และในอนาคตมีภาคีเครือข่ายที่สนใจก็จะเข้ามาร่วมอีก

แต่ที่เป็นไฮไลท์มาก ๆ คือ การรถไฟแห่งประเทศไทย หลังจากที่ได้มีการประชุมหารือกับผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย และมีฉันทานุมัติในการที่จะร่วมมือกันโดยนำเอาที่สองข้างทางรถไฟที่รกร้างว่างเปล่า ไม่ได้มีศักยภาพในเชิงพาณิชย์ มาให้กรมการพัฒนาชุมชนให้พนักงานรถไฟและประชาชนที่มีฐานะยากจน ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับที่ดินได้เข้าไปทำมาหากินดำเนินการทำโคก หนอง นา ที่ว่าเป็นไฮไลท์สำคัญมาก เพราะหากเราลองจินตนาการดูว่าถ้าเรานั่งรถไฟไปพื้นที่ภาคใต้ หรือไปภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคตะวันออก รวมแล้วหลายพันกิโลเมตร ถ้ามีการประยุกต์ทฤษฎีใหม่สู่โคก หนอง นา หากมีการปลูกป่าต้นไม้ 5 ระดับ มีไม้ดอก ไม้ประดับ มีพืชผักกินได้ มีคลองไส้ไก่ มีหนองน้ำ มีทิวทัศน์ที่สวยงาม ราวกับเหมือนผ่านสถานที่ท่องเที่ยว จะมีที่ดินจำนวนมากเป็นพื้นที่สีเขียว มีการปรับพื้นที่ให้ใช้ประโยชน์และมีความหลากหลายทางธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมตลอดสองข้างทางจะเป็นอะไรที่สวยงามมาก นี่จึงจะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้น ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างแท้จริง ณ ตอนนี้ก็เริ่มมีอีกหลายหน่วยงานเริ่มทยอยเข้ามาติดต่อกรมการพัฒนาชุมชน เพื่อจะจับมือเป็นภาคีเครือข่าย สร้างทางรอดให้กับประเทศชาติของเราให้กับคนไทยทุกคนให้มีโอกาสที่ดี


สุดท้ายนี้ อธิบดี พช. เน้นย้ำสำหรับท่านที่สนใจสอบถามข้อมูล ทางกรมการพัฒนาชุมชนของเรา ได้ทำงานโดยยึดหลัก Two Way Communication ในการสื่อสารกับสังคม พช. ของเรา ได้เปิดเพจเฟซบุ๊ก “โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน” จะมีองค์ความรู้ในเรื่องของทฤษฎีต่าง ๆ มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากพี่น้องที่เข้าร่วมโครงการมาถ่ายทอดเล่าสู่กันฟัง พร้อมทั้งนำเสนอรูปภาพแปลงต้นแบบ สิ่งที่เขาได้ทำเอาไว้เป็นตัวอย่าง ถ้าหากใครดำเนินการแล้วมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ในเครือข่ายตรงนี้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ตรงต่อกัน

ส่วนบุคคลที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการสามารถจะสมัครได้ที่ว่าการอำเภอทุกแห่งทั่วประเทศ หรือไปที่สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอ ศาลากลางจังหวัด สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด หรือจะสมัครผ่านเฟซบุ๊กของโคก หนอง นา พัฒนาชุมชน ก็สมัครเข้ามาได้