ธ สถิตในใจไทยตราบนิรันดร์

บทบรรณาธิการ

13 ตุลาคม 2559 วันแห่งการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ของปวงชนชาวไทย จากวันนั้นถึงวันนี้ผ่านไปหนึ่งปีเต็ม กระนั้นความเศร้าโศกอาลัย และรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ยังอยู่ในความทรงจำของคนไทยมิอาจลืมเลือน

13 ตุลาคม 2560 ถือเป็นอีกช่วงเวลาสำคัญที่รัฐบาลรวมทั้งเหล่าพสกนิกรทั้งประเทศ มีโอกาสแสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของรัชกาลที่ 9 อีกครั้ง เพราะนอกจากจะครบรอบหนึ่งปีวันเสด็จสวรรคตแล้ว ในวันที่ 26 ตุลาคม 2560 ยังเป็นวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ซึ่งมีความหมายยิ่งต่อปวงชนชาวไทย ทรงอยู่ในใจคนไทยตราบนิรันดร์ และยังต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์โลก

ในฐานะเจ้าภาพ การเตรียมความพร้อมรองรับพระราชพิธีสำคัญ ถือเป็นภารกิจที่พสกนิกรใต้ร่มพระบารมี ต้องตระหนักและทำหน้าที่ให้สมพระเกียรติ ด้วยการร่วมเป็นเจ้าภาพ เจ้าบ้านที่ดี เพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี และมีความยิ่งใหญ่

พสกนิกรไทยทั่วประเทศพร้อมใจกันถวายความอาลัย และแสดงออกถึงความจงรักภักดี เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ โดยร่วมถวายดอกไม้จันทน์ในวันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม 2560 ณ พระเมรุมาศจำลอง 85 แห่งทั่วประเทศ และซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ในเขตกรุงเทพมหานคร 113 แห่ง วัดใน 50 สำนักงานเขตต่าง ๆ

ตลอด 70 ปีแห่งการครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้ทรงงานโดยยึดความสุขของประชาชนไทยเป็นหลัก ทรงศึกษาข้อมูลจากพื้นที่และทดลองปฏิบัติด้วยพระองค์เอง ทั้งยังใช้ทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ด้วย เพื่อขยายผลสู่ราษฎรและต่อเติมเสริมงานปกติของรัฐให้ได้ผลสมบูรณ์และกว้างขวางขึ้น

ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งเสมอว่า พระราชดำริของพระองค์นั้น เป็นเพียงข้อเสนอแนะ เมื่อรัฐบาลได้รับทราบแล้ว ควรนำไปวิเคราะห์พิจารณาตามหลักวิชาการก่อน เมื่อเห็นสมควรทำจึงค่อยตัดสินใจ แต่ถ้าเห็นว่าไม่เหมาะสมก็ล้มเลิกได้

อย่างไรก็ดี งานในพระราชดำริแต่ละโครงการซึ่งมีอยู่มากมายนั้น ล้วนแต่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน อย่างแท้จริง และเป็นที่ประจักษ์ไปทั่วโลก

การปฏิบัติตามรอยพระยุคลบาท หากทำได้ โดยอาศัยความขยันหมั่นเพียร ยึดมั่นในความซื่อสัตย์ สุจริต และรู้รักสามัคคี นอกจากจะเป็นรากฐานและเกราะคุ้มภัยอย่างดีให้กับครอบครัว ชุมชนแล้ว สังคมและประเทศชาติก็จะพัฒนาก้าวหน้าได้อย่างมั่นคงยั่งยืนตลอดไป