ทวิตเตอร์ ปั่น #จนทิพย์ สูงติดเทรนด์ข้ามคืน วิจารณ์นักเรียนอ้างฐานะยากจนสอบติดแพทย์ เปิดรับบริจาคทุนเรียนได้ถึง 2 ล้านกว่าบาท ชาวเน็ตจับตาฐานะยากจนจริงหรือไม่
วันที่ 13 พฤษภาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลายเป็นกระแสดราม่าบนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะทวิตเตอร์ ที่พากันติดแฮชแท็ก #จนทิพย์ ข้ามคืน ตั้งแต่วานนี้ (12 พ.ค.) ด้วยยอดทวีตที่พุ่งสูงถึง 7 แสนกว่าครั้ง (ข้อมูลเวลา 09.30 น.) ติดอันดับความนิยมในไทยในขณะนี้
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- อย.เปิดชื่ออาหารเสริม พบสารอันตราย ร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต เตรียมดำเนินการตามกฎหมาย
- BITE SIZE : ขึ้นค่าแรง 10 จังหวัด-ปรับเงินเดือนข้าราชการ เพิ่มขึ้นเท่าไร
แฮชแท็กดังกล่าวเกิดขึ้น ภายหลัง นางสาวณัฐวดี หรือ โวลต์ อายุ 18 ปี นักเรียนโรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ ชาว ต.โพนทอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งสอบติดคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม แต่มีฐานะทางบ้านค่อนข้างยากจน
คณะแพทยศาสตร์ ดังกล่าวจึงเปิดบัญชีรองรับเพื่อเชิญชวนให้ผู้ที่อยากช่วยเหลือได้บริจาคสมทบทุนเพื่อเป็นการศึกษา โดยข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 10 พ.ค.64 มียอดบริจาครวม 2,700,000 บาท และได้ปิดรับบริจาคแล้ว เพราะเห็นว่าน่าจะเพียงพอต่อการนำไปใช้ศึกษาต่อในคณะแพทย์ศาสตร์ตามที่ตั้งใจไว้
แต่เรื่องนี้ไม่ได้จบอย่างสวยงามตามท้องเรื่อง เมื่อคลิปที่มีนักข่าวได้ไปสัมภาษณ์และสำรวจบ้านของ “น้องโวลต์” มีชาวเน็ตตาดีเห็นข้าวของเครื่องใช้มีราคาสูง แบรนด์ดัง อยู่ภายในบ้านซึ่งดูขัดกับการเปิดรับบริจาคเงินของเจ้าตัว โดยมีหลายความเห็นที่มองว่า หากมีเงินซื้อของราคาระดับนั้นได้ ก็น่าจะมีเงินที่จะสามารถส่งตัวเองเรียนในคณะแพทยศาสตร์ได้
ขณะที่คนรู้จักและใกล้ชิดกับน้องโวลต์ก็ออกโรงมาปกป้องพร้อมชี้แจงว่า น้องโวลต์มีฐานะยากจนจริง ๆ ส่วนสิ่งของเหล่านั้นเป็นการซื้อจากเงินที่น้องโวลต์อดทนเก็บออมมา และยังรับประกันอีกว่า คนที่บริจาคเงินช่วยเหลือมาให้สบายใจและมั่นใจได้ว่า น้องโวลต์จะเป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่ดีในอนาคตอย่างแน่นอน
เรื่องทั้งหมดยังสะท้อนให้เห็นอีกมุมหนึ่งในสังคมจากการที่มีคนแสดงความเห็นว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นทำให้เห็นว่า สังคมไทยให้การสนับสนุนไม่กี่อาชีพ เช่น อาชีพหมอ หากสอบติดแล้วไม่มีทุนเรียนก็เปิดรับบริจาค แต่หากเป็นสาขาเรียน หรืออาชีพอื่นกลับบอกให้ไปกู้ กยศ. เอาเอง
ดราม่านี้ อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า ถึงเวลาแล้วหรือยัง? ที่ควรให้ความสำคัญกับทุกสาขาวิชาเรียน หรือทุกอาชีพ ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ทำให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมลดน้อยลงได้