ประวัติ “ต้อย เศรษฐา” จากเด็กขนเครื่องดนตรี สู่ศิลปินแห่งชาติ

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565 - 11:33 น.

เปิดประวัติ “ต้อย เศรษฐา” ผู้คร่ำหวอดในวงการบันเทิงมากว่า 60 ปี ที่แม้จะจากไปด้วยโรคมะเร็ง แต่ได้สร้างคุณค่าทางจิตใจผ่านผลงานในโลกมายาไว้มากมาย

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถือเป็นอีกหนึ่งครั้งที่วงการบันเทิงต้องสูญเสีย บุคคลผู้มีความสามารถ อย่าง “ต้อย” เศรษฐา ศิระฉายา ที่เสียชีวิตลงในวัย 77 ปี ด้วยอาการป่วยเป็นโรคมะเร็งปอดระยะที่ 4 เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (20 ก.พ.)

แม้จากการจากไปของ ต้อย จะสร้างความเศร้า เสียใจให้กับลูกหลาน เพื่อนร่วมวงการ หรือแม้แต่แฟนคลับที่ติดตามผลงานมาตลอดระยะเวลา 60 ปี แต่ผลงานนับชิ้นไม่ถ้วนที่ได้สร้างไว้ จะยังคงติดตราตรึงใจใครหลายคนไปอีกนานอย่างแน่นอน

“ประชาชาติธุรกิจ” พาย้อนอ่านประวัติ และผลงานต่าง ๆ ตั้งแต่ “ต้อย” เริ่มก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง ด้วยวัยเพียง 16 ปี

รู้จัก “ต้อย เศรษฐา”

“ต้อย” เศรษฐา ศิระฉายา เกิดเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2487 ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนวัดบวรนิเวศ ระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ หลักสูตรโครงการพิเศษ สาขาวิชาการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยรามคำแหง ระดับปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ สาขาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต MBA มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีและปริญญาเอก คณะรัฐศาสตร์ สาขารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี

แต่งงานกับ นางอรัญญา นามวงศ์ มีบุตรสาว 1 คน ชื่อ นางสาวพุทธิดา ศิระฉายา หรือ อี๊ฟ แต่งงานกับ นายเติมศักดิ์ ศักดาพร นักธุรกิจ เคยทำธุรกิจร้านขายหอยทอดร่วมกับภรรยา ที่ศูนย์อาหาร ศูนย์การค้ามาบุญครองตั้งแต่ศูนย์การค้าเริ่มเปิดดำเนินการใหม่ ๆ ปัจจุบันเป็นผู้สร้างละครโทรทัศน์ในสังกัดช่อง 3 และช่อง 7

ต้อย เศรษฐา เส้นทางวงการบันเทิง

เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 16 ปี ด้วยการขนเครื่องดนตรี ในวงดนตรีตามคำชักชวนของน้าชายของเขา “สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์” อดีตพระเอกภาพยนตร์ชื่อดังในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

ต่อมา ได้มาเป็นนักร้องตามสถานบันเทิงต่าง ๆ จนได้รวมตัวกับเพื่อนตั้งวงดนตรี ชื่อ “ดิอิมพอสซิเบิ้ล (The Impossibles)” ซึ่งเป็นชื่อการ์ตูนชื่อดังของอเมริกาในสมัยนั้น โดย ต้อย ได้เป็นนักร้องนำ และในปี 2512 วงดิอิมพอสซิเบิ้ล ก็ได้รับรางวัลพระราชทานรางวัลชนะเลิศการประกวดวงสตริงคอมโบ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกโดยสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์

รางวัลดังกล่าว ส่งผลให้เริ่มเป็นที่นิยมและเป็นจุดเปลี่ยนให้ต้อยได้เข้ามาสู่วงการภาพยนตร์เป็นครั้งแรก โดยได้รับทาบทามจาก “เปี๊ยก โปสเตอร์” ให้มาร่วมบรรเลงเพลงประกอบภาพยนตร์ เรื่อง โทน (2513)

เขารับบทบาทเป็นนักร้องนำ ปี พ.ศ. 2512 ดิอิมพอสซิเบิ้ลสามารถคว้าถ้วยพระราชทานรางวัลชนะเลิศการประกวดวงสตริงคอมโบ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกโดยสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ส่งผลให้เริ่มเป็นที่นิยมและเป็นจุดเปลี่ยนให้เศรษฐาได้เข้ามาสัมผัสโลกภาพยนตร์เป็นครั้งแรก เมื่อเขาและเพื่อน ๆ ได้รับการทาบทามจาก เปี๊ยก โปสเตอร์ ให้มาร่วมบรรเลงเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง โทน (2513)

อาต้อย เศรษฐา — PHOTO chordguitar.deksakon.com

จากนั้นวงดิอิมพอสซิเบิ้ล ได้สร้างผลงานและรับรางวัลมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งปี 2519 ได้ประกาศยุบวงอย่างเป็นทางการ และ ต้อย ก็ได้เข้าสู่วงการมายาอย่างเต็มตัว และได้รับรางวัลการยกย่องเชิดชูเกียรติต่าง ๆ ดังนี้

ปี 2553 : รางวัลพระราชทานบันเทิงเทิดธรรม (พ.ศ. 2553) จาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ปี 2553 : รางวัลการเชิดชูบุคคล ทางด้านผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปีพุทธศักราช 2553
ปี 2554 : รางวัลศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสากล-ขับร้อง)

ผลงานละคร ต้อย เศรษฐา

แม่ยอดกะล่อน (2526)
รักสองต้องห้าม (2528)
พ่อมหาจำเริญ (2531)
เขยบ้านนอก (2533)
บ้านเล็ก (2535)
เขยบ้านนอก ภาค 2 (2535)
คู่แท้ 2 โลก (2540)

ผลงานภาพยนตร์ ต้อย เศรษฐา

ผลงานด้านภาพยนตร์ของ ต้อย มีกว่า 151 เรื่อง ตั้งแต่ปี 2513 จนถึง ปี 2558 โดยเรื่องแรกในปี 2513 แสดงเรื่อง โทน จากนั้นมีผลงานต่าง ๆ ตามมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น รักกันหนอ ปี 2514, รักคือ ฝันไป ปี 2528, แม่ดอกรักเร่ ปี 2529, เก๋า เก๋า ปี 2549 และ ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาค 3 และ 4 ในปี 2554 เป็นต้น