เปิดธุรกิจร้านตัดผม “JUST CUT” ร้านเล็กๆ บน BTS แต่รายได้ไม่เล็ก

เรื่อง: มาร์

เรียกได้ว่าในปัจจุบัน ‘รถไฟฟ้า’ ได้กลายเป็นการเดินทางขั้นพื้นฐานของเหล่าคนกรุงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งนอกจากร้านอาหารและซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วนั้น เชื่อหรือไม่ว่าในสถานีของรถไฟฟ้าก็ยังเป็นแหล่งที่ตั้งของร้านตัดผมสุดเจ๋ง ที่เด็ดไม่แพ้ร้านดังๆ ตามห้างแถมยังมีราคาที่ย่อมเยาว์กว่าเท่าตัว

อย่างร้านตัดผม “JUST CUT” ที่มีการเปิดบริการบนบีทีเอสสถานีพระโขนง และบีทีเอสสถานีทองหล่อ เป็นร้านตัดผมขนาดเล็กที่ช่างจะตัดผมอย่างเดียวไม่มีบริการสระหรืออื่นๆ เพิ่มเหมือนซาลอนทั่วไป ภายในร้านมีสีส้มสลับขาวเป็นที่สะดุดตา เพื่อทำให้พื้นที่ในร้านดูกว้างขึ้น แต่ถึงจะเล็กก็สามารถรองรับลูกค้าได้ราว 5-6 คน สามารถตัดผมที่ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เหมาะสำรับผู้ที่อยากตัดผมแต่มีเวลาน้อย ต้องการความรวดเร็ว ความสะดวกสบายในการเดินทาง และที่สำคัญราคายังสบายกระเป๋าเพียง 120 บาทเท่านั้น ไม่ว่าจะทรงอะไร จะสั้นหรือจะยาวก็ราคาเดียว

เรามีโอกาสสัมภาษณ์ ขวัญใจ ชนะดี หรือ พี่เจี๊ยบ เจ้าของร้านถึงที่มาที่ไปของธุรกิจร้านตัดผม “JUST CUT” บนบีทีเอส พี่เจี๊ยบ กล่าวว่า เดิมทีธุรกิจนี้เป็นของเพื่อนชาวออสเตรเลีย และเพื่อชาวจีน ส่วนตนช่วยทำบัญชีและคอยดูแลดำเนินการบางส่วนให้ จนกระทั่งช่วงหลังๆ มาได้เกิดความสนใจเกี่ยวกับธุรกิจนี้มากขึ้น เพราะมองเห็นว่าหากเป็นอาชีพเสริมก็ถือว่าได้ผลกำไรดี จึงตัดสินใจขอเซ้งร้านต่อจากเพื่อนจนได้มาเป็นร้านของตนเองเกือบ 8 ปีแล้ว

“JUST CUT” เป็นร้านตัดผมที่มีจุดมุ่งหมายเจาะกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ เพราะส่วนใหญ่แล้วชาวต่างชาติจะชอบการตัดผมแบบเร่งด่วน ไม่ต้องพิธีรีตองออะไรมาก ต่างจากคนไทยที่มักจะชอบการบริการเสริมจากร้านเพิ่มขึ้นมานอกจากตัดเพียงอย่างเดียว อีกทั้งการเปิดร้านบนบีทีเอสก็เพื่อการเจาะลูกค้าที่ไม่ค่อยมีเวลา ใช้ชีวิตที่เร่งรีบ เพราะจุดเด่นของร้าน คือ บริการตัดเร็ว ไม่ว่าจะตัดทรงอะไรสั้น หรือยาวทางช่างสามารถให้บริการได้หมด ยกเว้นว่าจะต้องการสระด้วยนั้นทางร้านไม่สามารถให้บริการได้ เพราะด้วยพื้นที่ที่ค่อนข้างที่จำกัด และ Koncept ร้านคือจะตัดแค่ผมอย่างเดียว ลูกค้าที่ต้องการใช้บริการอาจจะต้องสระผมมาเองจากบ้าน

อีกจุดเด่น คือ การเดินที่ทางสะดวก รวดเร็ว เพราะลงจากรถไฟฟ้าไม่กี่ก้าวก็ถึงร้าน ส่วนเรื่องคุณภาพบอกกันปากต่อปากฝีมือช่างที่ร้านนี้ไม่ต่างจากการตัดผมร้านอื่นที่ราคาเริ่มต้นสูงกว่าเป็นเท่าตัว

“ก่อนหน้านี้ราคาตัดผมอยู่ที่ 100 บาทต่อคน แต่ปัจจุบันด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ค่อนข้างฝืดเคืองจึงทำให้ทางร้านได้ปรับราคาเพิ่มเป็น 120 บาทต่อคน เพื่อให้คุ้มกับค่าเช่าพื้นที่ เพราะการเช่าพื้นที่บนบีทีเอสนั้นถือว่ามีราคาที่สูงอยู่พอสมควร  ซึ่งเมื่อก่อนมีลูกค้าเข้าร้านราวๆ  100 คนต่อวัน ทำให้รายได้ต่อเดือนเมื่อหักค่าเช่าแล้วตกเดือนละแสนกว่าบาท ส่วนตอนนี้ลูกค้าลดลงมาเหลือวันละ 60-70 คนต่อวัน รายได้ต่อเดือนหักค่าเช่าแล้วอยู่ที่ 6-7 หมื่นบาท ซึ่งถือว่ายังโอเคอยู่ เพราะส่วนตัวไม่ได้จับแค่ธุรกิจนี้เพียงตัวเดียว แต่ถ้าจะยึดเป็นอาชีพหลักก็ยังถือว่าไปได้ดีอยู่ได้เรื่อยๆ” 

ลูกค้าที่มาใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย และผู้หญิงทำงานที่ไม่ค่อยมีเวลาไปซาลอนทั่วไป ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาตัดแล้วมักจะกลับมาตัดอีก จนกลายเป็นขาประจำ ซึ่งแต่ก่อนลูกค้าต่างชาติอย่างฝรั่งและญี่ปุ่นจะเป็นที่นิยมมาก แต่ปัจจุบันก็เริ่มมีลูกค้าที่เป็นคนไทยเยอะมากขึ้น

วิธีใช้บริการนั้นก็ง่ายๆ แค่สอดเงินจำนวน 120 ลงไปในตู้ที่ตั้งอยู่ในร้าน จากนั้นจะมีตั๋วออกมาแล้วเอาไปยื่นให้พนักงาน และเข้ารับบริการได้เลย (เว้นแต่ว่าคนเยอะอาจจะต้องนั่งรอคิวกันก่อน)

ในส่วนของการขยายธุรกิจออกไปในสาขาอื่นๆ บนเส้นทางของบีทีเอสที่นอกจากสถานีทองหล่องและสถานีพระโขนง หรือทำเป็นแฟรนไชส์นั้น “พี่เจี๊ยบ” บอกว่าขณะนี้ตนยังไม่ได้วางแผนเอาไว้

และนี่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เกิดขึ้นจากมุมมอง ที่อาศัยระบบการใช้ชีวิตประจำวันของกลุ่มลูกค้า จนนำมาสู่การปรับเปลี่ยนเพื่อหาแนวทาง ให้ตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมายนั้นๆ มากขึ้น

หากใครมีโอกาสก็สามารถแวะเวียนไปลองใช้บริการ “JUST CUT” กันได้ที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทั้ง 2 สาขา คือ สาขาสถานีทองหล่อ ตั้งอยู่ตรงมุมทางเข้ารถไฟฟ้าบีทีเอสทองหล่อ ทางออกที่ 2 อีกสาขาอยู่ที่สถานีพระโขนง เปิดบริการตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น. ทุกวัน