ชมดอกไม้สวยสะพรั่ง ออนซอนวิถีอีสานยุคก่อน ณ จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม

ท้องฟ้าสีเทา : เรื่อง, วรพรรณ เลอสิทธิศักดิ์ : ภาพ

ภาคอีสาน เป็นภาคที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุด มีจำนวนประชากรมากที่สุด และเป็นภาคที่รุ่มรวยไปด้วยวัฒนธรรมท้องถิ่นที่สอดประสานกันอย่างลงตัว กับวิถีชีวิตของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ร่วมกันและเรียกรวมกันว่า “ชาวอีสาน”

แต่เมื่อเวลาผ่านไปสังคมชนบทอีสานปรับตัวเข้าสู่สังคมแบบคนเมืองตามการพัฒนา วิถีชีวิตในอดีต และวัฒนธรรมประเพณีบางอย่างจึงอาจจะตกหล่นไปบ้าง บวกกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มีสิ่งประดิษฐ์ เครื่องจักรต่าง ๆ มาช่วยในการทำการเกษตร วิถีชีวิตและวิถีการทำเกษตรแบบที่ใช้มือและเครื่องทุ่นแรงแบบบ้าน ๆ ในสมัยก่อนจึงแทบไม่มีให้เห็นแล้ว ซึ่งก็เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นธรรมดาของโลก

ในยุคที่เราไม่สามารถพบเจอวิถีชีวิตอย่างที่ว่านั้นได้แล้ว ก็ยังดีที่มีหลายสถานที่ที่อนุรักษ์วิถีและวัฒนธรรมเหล่านี้ไว้ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้อยู่ หนึ่งในนั้นคือ “จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม” ฟาร์มที่มีเจตนารมณ์จะฟื้นฟู อนุรักษ์ ส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของชาวอีสาน และถ่ายทอดออกไปสู่สายตาผู้คนทั้งชาวไทยและต่างชาติ

จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ตั้งอยู่ที่ ต.ตะขบ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ในแต่ละปีฟาร์มจะจัดงานฟาร์มทัวร์เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมกันได้ในช่วงเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคม สำหรับงานฟาร์มทัวร์ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 ธันวาคม 2562-วันที่ 5 มกราคม 2563 ภายใต้ชื่องานว่า “ต่ำหูก แต้มผ้า-เล่าอีสานผ่านงานทอ” ซึ่งบ่งบอกความเป็นอีสานตั้งแต่ชื่องาน จากคำว่า “ต่ำหูก” ที่หมายถึงกระบวนการทอผ้า ส่วน “แต้มผ้า” แปลว่า การระบายสีลงบนผืนผ้า ในที่นี้หมายถึงการวาดผ้าผะเหวดเป็นเรื่องราวในมหาเวสสันดรชาดกสำหรับใช้ในประเพณีบุญผะเหวด หรือเทศน์มหาชาติของชาวอีสานนั่นเอง

พอยต์ใหญ่ ๆ ที่จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม นำเสนอแบ่งเป็น 2 ด้าน คือ ด้านการเกษตร และด้านวิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรมของชาวอีสาน ซึ่งในส่วนการเกษตรนั้นก็จะเห็นได้จากพืชพรรณสีเขียว ทั้งต้นหม่อน ต้นฝ้าย ทุ่งนา และดอกไม้สวย ๆ ที่เบ่งบานกระจายอยู่ทั่วฟาร์ม ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ถ่ายรูปตั้งแต่เช้าจนค่ำ ไม่ว่าจะเป็นทุ่งดอกทานตะวัน ทุ่งดอกคอสมอส ลานฟักทอง และทุ่งดอกไม้หลากสี ซึ่งปีนี้มีงานศิลปะติดตั้ง (installation art) ผลงานของศิลปิน มิตร ใจอินทร์ จัดแสดงอย่างโดดเด่นและดึงดูดสายตาอยู่กลางทุ่งดอกคอสมอส ส่วนลานฟักทองก็โดดเด่นด้วยคอนเซ็ปต์ “ชูชก” คือตกแต่งโครงฟักทองลูกยักษ์ให้เป็นฟักทองท้องแตกเหมือนชูชกในพระเวสสันดรชาดก

ส่วนด้านวิถีชีวิตและวัฒนธรรมประเพณีของชาวอีสานนั้นต้องชื่นชมเลยว่า จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ทำได้ดีมากจนทำให้คนอีสานอย่างผู้เขียนเกือบน้ำตาร่วง เพราะเกิดความรู้สึกคิดถึงอดีตสมัยเด็กน้อยที่ได้ร่วมกิจกรรมและประเพณีต่าง ๆ กับคุณตาคุณยาย

จุดหลัก ๆ ที่เป็นพื้นที่นำเสนอความงามของวิถีอีสานอยู่ที่ “หมู่บ้านอีสาน” พื้นที่ 60 ไร่ภายในหมู่บ้านอีสานมีสถาปัตยกรรม สิ่งปลูกสร้างที่หาชมได้ยาก อย่างบ้านไม้อีสานยุคก่อน ซึ่งทางฟาร์มไปหาซื้อบ้านเก่ามาอนุรักษ์ไว้หลายสิบหลัง นอกจากนั้น ยังมีศาสนาคาร อย่างศาลาการเปรียญวัด และหอไตรกลางน้ำ ซึ่งล้วนแต่ทำจากไม้เก่าสวย ๆ ทั้งนั้น

ในหมู่บ้านอีสานมีโซนที่โดดเด่นและได้รับความสนใจจากเด็ก ๆ และครอบครัวเป็นอย่างมาก คือ โซนสำหรับเรียนรู้เรื่องข้าว ประกอบด้วย ทุ่งนา สระน้ำ โรงสีข้าว ยุ้งฉางเก็บข้าว ซึ่งชาวอีสาน เรียกว่า “เล้า” และยังมีเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้ในกระบวนการแปรสภาพข้าว อย่างอุปกรณ์ตีข้าว (ตีให้เมล็ดข้าวหลุดออกจากรวง) ครกตำข้าว (ตำให้เปลือกข้าวหลุดออกเป็นข้าวสาร) และมี “ซุ้มนอนนา” จำลองวิถีชีวิตชาวนาอีสานสมัยก่อนที่จะนำฟางมาก่อเป็นซุ้ม เพื่อเป็นที่นอนระหว่างฤดูกาลทำนา

ไฮไลต์หนึ่งของงานปีนี้ก็คือ การขึงแขวนผ้าผะเหวดของจริงจัดแสดงในศาลาการเปรียญวัด นอกจากนั้น ในศาลาการเปรียญยังจำลองการทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ ซึ่งมี “หมอสูตร” นั่งประจำคอยทำพิธีสวดบายศรีสู่ขวัญและผูกข้อมือให้ด้วย

นอกจากนั้น ยังมีการจำลองวิถีชีวิตชาวอีสานแบบที่มีชีวิตจริง ๆ อย่าง สาธิตการทำขนมพื้นบ้าน สาธิตการสาวไหม การย้อมผ้า การทอผ้า และมีหมอลำมาลำให้ชมให้ฟังตลอดวันบนเวที หรือที่ชาวอีสาน เรียกว่า “ฮ่านหมอลำ” ซึ่งตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ร่มรื่นให้นักท่องเที่ยวนั่งชมอยู่ “หน่าฮ่าน” ในบรรยากาศเย็นสบาย บริเวณใกล้ ๆ กับเวทีหมอลำมีเครื่องเล่นอย่างม้าโยก ม้าหมุน และชิงช้า ที่ทำจากไม้ให้เล่นสนุกกันได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

การไปเที่ยวจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม เพียงหนึ่งวันเหมือนกับได้ย้อนไปในอดีตอย่างน้อยสัก 20 ปี ได้เห็นและเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอีสานในสมัยก่อน ซึ่งหลาย ๆ อย่างคนรุ่นอายุสัก 30 ปีก็เคยได้เห็นในตอนเด็ก ๆ แต่หลายอย่างก็ย้อนไปเก่ากว่านั้น อย่างเช่น การใช้เกวียนเป็นพาหนะเดินทางและขนของ แต่สำหรับใครที่ไม่ได้สนใจเรื่องวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณีสักเท่าไหร่ เพียงแค่ไปชมธรรมชาติ พืชพรรณสีเขียวกับดอกไม้หลากสีที่บานสะพรั่งรอให้ถ่ายรูปได้ไม่รู้จบ แค่นั้นก็คุ้มแล้ว

หมายเหตุ : มีคำเตือนเรื่องการเดินทางสำหรับคนที่ขับรถแล้วเปิด Google Maps หรือ map ของเจ้าอื่นก็ตาม อย่าใช้ถนนสาย 2235 ต่อ 3060 เด็ดขาด ! เพราะถนน 3060 เป็นถนนลูกรัง เป็นหลุมเป็นบ่อและบางช่วงกำลังซ่อมแซมอยู่ด้วย ให้เลือกวิ่งเส้นทางที่อ้อมไกลกว่าแต่รับรองว่าไปถึงที่หมายเร็วกว่าและสบายกว่ากันมากแน่นอน