แมนฯซิตี้ถล่มแมนฯยูฯ 6-3 ฮาลันด์-โฟเดน เผยสุดปลื้มควงกันแฮตทริก

แมนซิตีถล่มแมนยู
Manchester City's Norwegian striker Erling Haaland scores, October 2, 2022. (Photo by Lindsey Parnaby / AFP)

ฮาลันด์สุดปลื้ม พาทีม แมนฯซิตี้ถล่มแมนฯยูฯ 6-3 ส่วนโฟเดน แฮตทริกอีกคน บอกฝันเป็นจริง ขณะที่นักเตะผีแดงสุดช้ำ บอกโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง

วันที่ 2 ตุลาคม 2565  บีบีซี รายงาน ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แมนเชสเตอร์ดาร์บี้แมตช์ เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดรังเอติฮัด สเตเดียม ถล่มคู่ปรับร่วมเมือง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 6-3 ประตู

เออร์ลิง ฮาลันด์ ผู้ทำแฮตทริก และสร้างสถิติเป็นผู้เล่นที่ทำแฮตทริกในเกมเหย้าติดต่อกัน 3 นัดได้เป็นคนแรกของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เปิดใจหลังเกม

แมนซิตีถล่มแมนยู
ฉาลันด์ ฉลองสองแฮตทริก กับ โฟเดน (Photo by Lindsey Parnaby / AFP

“เรายิง 6 ประตู ไม่เลวเลยนะ ผมบอกได้เลยว่า ยอดมาก ๆ การชนะในบ้าน แล้วยิง 6 ประตูคือดีเลย ก่อนเกมผมก็รู้สึกนิด ๆ ในใจนะว่าต้องมีอะไรพิเศษเกิดขึ้นแน่ในเกมนี้ และเราก็ได้เห็นว่าแล้วว่าวันนี้มีสิ่งพิเศษเกิดขึ้น ซึ่งชื่นใจ” ฮาลันด์กล่าว

“ความมั่นใจดี และดีเสมอ หลังจากที่เราชนะลิเวอร์พูลในเกมคอมมิวนิตี ชีลด์ มันเลยดีหลังจากนั้น ผมคิดว่าดีนะที่มีแมตช์นั้น ทำให้รู้สึกว่าพร้อมแล้ว คุณรู้สึกได้เลยเวลาเราส่งบอลให้กัน เรารุกไปข้างหน้า นี่เป็นสิ่งที่ผมรักทีมนี้ มันยอดเยี่ยมไม่มีอะไรจะพูดได้มากกว่านี้แล้ว” ดาวยิงแมนฯซิตี้ กล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง

ด้าน ฟิล โฟเดน ผู้ทำแฮตทริกอีกคนของเรือใบสีฟ้า กล่าวว่า “ฝันเป็นจริงเลยที่ได้เล่นในแมตช์ดาร์บี และเป็นแฟนซิตี้ด้วย ผมปลื้มมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีม ความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวของพวกเราเริ่มตั้งแต่คิกออฟ และเราพิชิตโอกาสได้”

แมนซิตีถล่มแมนยู
เฟร็ด และเอริกเซน ได้แต่เซ็ง. (AP Photo/Rui Vieira)

โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง

ฝั่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คริสเตียน เอริกเซน กองกลางตัวเก๋า กล่าวว่า “ทุกคนรู้สึกว่าวันนี้ไม่ดีเลย เราเริ่มผิดกระบวนท่า ขณะที่พวกเขามีโอกาสตั้งแต่เริ่มเกมเลย เราได้แต่ต้องโทษตัวเราเอง เราไม่มีความกล้าที่จะเล่นออกจากแนวรับ เราปล่อยให้พวกเขาใช้ความแข็งแกร่ง โฟกัสหลักของเกมนี้คือพวกเราเอง”

“มีอีกหลายสิ่งที่เราต้องเปลี่ยน และหลายสิ่งที่ต้องทำให้ดีขึ้น วันนี้มาไกลจากการเป็นที่ยอมรับ และจากสิ่งที่เราควรทำ” เอริกเซนกล่าว

ผมต้องการเปลี่ยนหัวหน้า

ขณะที่ เอริก เทน ฮาก ผู้จัดการทีมปีศาจแดง ให้สัมภาษณ์หลังเกมที่แพ้ยับครั้งนี้ว่า “มาจากการขาดความศรัทธา ซึ่งเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ เราไม่มีกระบวนท่าและก็ถูกตอกตะปู นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น

ผมประหลาดใจที่เราไม่มีศรัทธาในสนาม ผมเห็นทีมที่ต่างไป สปิริตที่ต่างไป และการต่อสู้ที่ต่างไป เราไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง เราไม่กล้าหาญที่จะครองบอล”

Erik ten Hag ยังมีงานต้องทำอีกเยอะสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Photo by Lindsey Parnaby / AFP)

“เป็นเรื่องยากเสมอที่จะหาคำตอบ นักเตะรู้นะว่าพวกเขาทำได้ดีกว่านี้ ถ้าคุณไม่สู้ คุณจะมีปัญหาแน่เวลาเจอกับทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้”

“นี่เป็นกระบวนการ นี่เป็นเกมหนึ่ง การเล่นกับทีมอื่นอาจไม่มีปัญหา แต่นี่เล่นกับเมนเชสเตอร์ ซิตี้ พวกเขามีปัญหาแน่ ผมต้องการเปลี่ยนหัวหน้า และทัศนคติจากลูกทีม ซึ่งทำให้เกิดปฏิกิริยาในครึ่งหลัง พวกเขากล้ามากขึ้น และทำได้ 3 ประตู มีเพียงความผิดพลาดเท่านั้นที่คุณเรียนรู้ได้” เทน ฮาก กล่าว

….

สำหรับศึกดาร์บีแมตช์ เมืองแมนเชสเตอร์ครั้งนี้ ก่อนเริ่มเกมถือว่า เป็นช่วงเวลาที่ดีของทั้งคู่ แมนเชสเตอร์ซิตี้ยังไม่แพ้ใคร ส่วนผีแดงก็มีสถิติชนะรวดติดต่อกัน 4 นัดมากที่สุดในลีก จน เอริก เทน ฮาก และมาร์คัส แรชฟอร์ด คว้ารางวัลกุนซือและนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนกันยายน

แต่แมตช์นี้พลิกกลายเป็นฝันร้ายของทีมเยือน

Manchester United’s Portuguese midfielder Bruno Fernandes vies with Manchester City’s German midfielder Ilkay Gundogan  at the Etihad Stadium in Manchester  on October 2, 2022. (Photo by Lindsey Parnaby / AFP)

เรือใบสีฟ้าใช้เออร์ลิง ฮาลันด์ และเควิน เดอ บรอยน์ ส่วนผีแดงใช้ 3 ประสานแนวรุก เจดอน ซานโช มาร์คัส แรชฟอร์ด และอันโตนี

ครึ่งแรก แมนฯซิตี้ 4-0

เริ่มเกมมาเพียง 3 นาที เป็นเรือใบสีฟ้าที่ทักทายได้อย่างน่ากลัว โดยมีโอกาสยิงถึง 3 จังหวะติดต่อกัน แต่เป็นดาบิด เด เคอา และผู้เล่นผีแดงที่ลงไปกองกันหน้าปากประตูจึงช่วยกันสกัดไว้ได้

แต่ถัดมาไม่นานในนาทีที่ 8 แมนฯซิตี้ที่ต่อบอลทำเกมขึ้นมาเรื่อย ก็ได้ประตูขึ้นนำเร็ว เป็น แบร์นาโด ซิลวา ที่แอสซิสต์ให้ ฟิล โฟเดน แปบอลในกรอบเขตโทษผ่านมือดาบิด เด เคอา เข้าไป พาเจ้าบ้านขึ้นนำ 1-0 และเป็นช่วง 10 นาทีแรกที่ซิตี้คุมเกมได้ทั้งหมด

Manchester City’s Erling Haaland celebrates after scoring his side’s third goal. (Martin Rickett/PA via AP)

หลังจากที่เจ้าบ้านกระหน่ำบุกอย่างต่อเนื่องก็มาได้ประตูที่ 2 ในนาทีที่ 34 จากจังหวะเตะมุม และเป็นเออร์ลิง ฮาลันด์ ที่เคลื่อนที่หนีตัวประกบและโหม่งบอลเข้าประตูไป แม้ไทเรลล์ มาลาเซีย พยายามจะสกัดจากเส้นแต่ก็ไม่ทัน

จากนั้นเพียงไม่กี่นาที สกอร์ก็ไหลอย่างต่อเนื่อง จากการประสานงานของ 2 คู่หู เควิน เดอ บรอยน์ เปิดบอลอ้อมแผงหลังของยูไนเต็ดไปให้ ฮาลันด์ ทิ้งตัวซัดบอลเข้าประตูไป ทิ้งห่างเป็น 3-0 ในนาทีที่ 37

ลูกที่สี่ตามมาอีก นาที 44 เดอ บรอยน์ ส่งบอลให้ฮาลันด์ ต่อให้โฟเดน บวกประตูเพิ่มเป็น 4-0 ในนาทีที่ 44 ทำเอาแฟนบอลผู้มาเยือนเริ่มทยอยออกจากสนามกันเลยทีเดียว

Manchester City’s English midfielder Phil Foden scores his team’s sixth goal  (Photo by Lindsey Parnaby / AFP)

ครึ่งหลังบังเกิดสถิติฝั่งสีฟ้า

ครึ่งหลัง ฮาลันด์ทำประตู เพิ่มนาที 64 เป็นแฮตทริก และสร้างสถิติเป็นผู้เล่นที่ทำแฮตทริกในเกมเหย้าติดต่อกัน 3 นัดได้เป็นคนแรกของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ทั้งยังเป็นผู้ส่งบอลให้ฟิล โฟเดน ยิงโล่ง ๆ บวกประตูเพิ่มให้เรือใบสีฟ้าเป็น 6-1 ในนาทีที่ 72 และทำแฮตทริกได้อีกหนึ่งคน

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งไม่เคยมีนักเตะซิตี้ทำแฮตทริกใส่ยูไนเต็ดได้เลย แต่มาสร้างสถิติในเกมนี้เกมเดียวถึงสองคน

ฝั่งแมนฯยูไนเต็ด 3 ประตูที่ได้ครึ่งหลังปลอบใจแฟน ๆ ได้เล็กน้อย มาจาก อันโตนี เป็นผู้เบิกประตุแรก โดยรับบอลมาจากทางขวาและบรรจงปั่นด้วยเท้าซ้าย บอลโค้งผ่านมือเอแดร์ซอน ผู้รักษาประตูแมนฯซิตี้ เสียบเสาเข้าไปอย่างสวยงามในนาทีที่ 56

อีกสองประตูได้จาก อองโธนี มาร์ซิยัล โหม่งซ้ำลูกเตะที่เฟรดซัดและผู้รักษาประตูปัดออกมา นาทีที่ 84 ตามมาเป็น 6-2 และมาได้ลูกจุดโทษปลอบใจจากมักซิยัลเช่นกันในนาทีที่ 90+1 ลดความเสียหายลงเหลือ 6-3 ประตู


…..