ททท. สำนักงานลอนดอน เผยตลาด UK เน้นเดินทางระยะใกล้ คาดไทยฟื้นตัวกลุ่มสุดท้ายปลายปี’66 ชี้ราคาตั๋วบินสูง นักท่องเที่ยวยังกังวลเรื่องสุขอนามัย หวั่นปัญหาเงินเฟ้อทุบมู้ดเดินทางท่องเที่ยว เตรียมนำเสนอประเทศไทย affordable luxury destination จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่คุ้มค่า คุ้มราคา สอดคล้องภาวะเศรษฐกิจ
นางสาวสดุดี แสงนิล ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานลอนดอน เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวตลาดสหราชอาณาจักร (UK) กำลังอยู่ในระหว่างระยะฟื้นตัว
- พระราชประวัติ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ วันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน
- ด่วน! โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม.เศรษฐา 1/1 รัฐมนตรีใหม่ 13 ตำแหน่ง
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
โดยตลาดภายในประเทศเป็นตลาดกลุ่มแรกที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและยังคงเป็นที่นิยมมากที่สุด โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวแถบชายทะเล ตามด้วยการท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศระยะใกล้ เช่น หมู่เกาะคานารี (สเปน) โปรตุเกส ไซปรัส กรีซ
ส่วนตลาดการท่องเที่ยวระยะไกล หรือ long haul destination รวมถึงประเทศไทยนั้น ประเมินว่าจะเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ฟื้นตัวอย่างช้า ๆ อันเนื่องมาจากปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นราคาบัตรโดยสารการบินที่เพิ่มสูงขึ้น ความกังวลเรื่องสุขอนามัยที่ต้องอยู่บนเครื่องบินเป็นเวลานาน
รวมถึงกฎเกณฑ์และมาตรการเรื่องโควิด-19 ซึ่งจากการหารือกับพันธมิตรบริษัทนำเที่ยวคาดว่าการเดินทางสำหรับตลาด long haul น่าจะกลับสู่สภาวะปกติในช่วงปลายปี 2566
ชอบเป็นส่วนตัว-หนีความวุ่นวาย
นางสาวสดุดีกล่าวด้วยว่า หลังสถานการณ์โควิด-19 พบว่านักท่องเที่ยวตลาดสหราชอาณาจักรให้ความสนใจกับเรื่องความเป็นส่วนตัวเพิ่มมากขึ้น และหลีกเลี่ยงจุดหมายปลายทางที่มีภาพลักษณ์ของความวุ่นวาย
ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังนิยมตัดสินใจเดินทางแบบ last minute หรือล่วงหน้าก่อนการเดินทางไม่เกิน 6 สัปดาห์ และใช้บริการสำรองการเดินทางจากบริษัทนำเที่ยวมากขึ้น เนื่องจากความสะดวกและง่ายในการเปลี่ยนแปลงการเดินทาง
นอกจากนี้ แพ็กเกจท่องเที่ยวแบบ all-inclusive ยังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งวิธีในการควบคุมค่าใช้จ่าย
เที่ยวบินน้อย-ต้นทุนเดินทางสูง
นางสาวสดุดีกล่าวต่อไปอีกว่า ปัจจัยบวกที่ส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวจากตลาดสหราชอาณาจักรเดินทางเข้าประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่ 4/2565 และ 1/2566 ประกอบด้วย สถานที่ท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง มหาสมุทรอินเดีย และแคริบเบียนปรับราคาสูงขึ้น ทำให้บริษัทนำเที่ยวหลายแห่งหันมาเสนอขายประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากคุ้มค่าต่อการเดินทาง
ส่วนปัจจัยลบที่อาจทำให้นักท่องเที่ยวไม่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทย คือ จำนวนเที่ยวบินทั้งเที่ยวบินตรงและเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (chartered flight) ที่ยังกลับมาให้บริการแค่ 62% เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อความต้องการท่องเที่ยวของตลาด ประกอบกับราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาบัตรโดยสารเพิ่มขึ้น
เงินเฟ้อพุ่งกระทบการเดินทาง
ขณะเดียวกันสหราชอาณาจักรยังประสบปัญหาเงินเฟ้อขั้นรุนแรง ส่งผลให้ค่าครองชีพเพิ่มขึ้น และอาจกระทบต่อเนื่องไปถึงการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยว ส่งผลให้การลดราคา หรือการนำเสนอโปรโมชั่นราคาพิเศษ เป็นปัจจัยหลักสำคัญในการพิจารณาเลือกประเทศ
“นักท่องเที่ยวบางส่วนมีแนวโน้มที่จะเลือกเดินทางแบบสั้นลง หรือเลือกเดินทางไปยังประเทศที่ใกล้ขึ้น เพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย” นางสาวสดุดีกล่าว
ทั้งนี้ ททท.สำนักงานลอนดอน เตรียมแผนรับมือโดยนำเสนอผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย ในฐานะ affordable luxury destination เน้นความคุ้มค่า
ชูจุดขาย “Value for Money”
สำหรับแผนการดึงนักท่องเที่ยวจากตลาดสหราชอาณาจักร ในช่วงไตรมาสที่ 4/2565 และ 1/2566 นั้น ททท.สำนักงานลอนดอนจะมุ่งเน้นการทำงานร่วมกับบริษัทนำเที่ยว ทั้งบริษัทนำเที่ยวแบบดั้งเดิม (tour operator/travel agent) และ OTA
โดยทำกิจกรรม joint marketing ส่งเสริมการขายท่องเที่ยวไทย ทั้งแบบล่วงหน้า และแบบ last minute พร้อมประชาสัมพันธ์และสร้างภาพลักษณ์ให้ไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความคุ้มค่า หรือเป็น value for money holiday destination เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ
และเตรียมจัด joint marketing หรือ partner on demand ร่วมกับสายการบินต่าง ๆ ทั้งประเภทบินตรง และประเภท indirect flight-code share หรือแวะเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศอื่น เพื่อกระตุ้นยอดขาย และเพิ่มปริมาณการเดินทางท่องเที่ยวไปยังประเทศไทย
รวมไปถึงสายการบินประเภทเช่าเหมาลำ (charter flight) ได้แก่ บริษัท TUI UK ซึ่งจะให้บริการเที่ยวบินตรงจากท่าอากาศยานลอนดอนแกตวิก (LGW) และจากท่าอากาศยานเมืองแมนเชสเตอร์ (MAN) ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต สัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน โดยจะเริ่มให้บริการในเดือนพฤศจิกายน 2565 ไปจนถึงกลางเดือนเมษายน 2566
“เราจะมุ่งทำการตลาดเสนอขายแพ็กเกจท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายในรูปแบบแพ็กเกจท่องเที่ยวหลายเมืองเพิ่มมากขึ้น อันจะช่วยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวพำนักนานขึ้น ตลอดจนส่งเสริมการขายการท่องเที่ยวในรูปแบบ value added activities/services เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายในการทำกิจกรรมท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น” นางสาวสดุดีกล่าว