“ราชาเฟอร์รี่” ทุ่ม 300 ล้าน เพิ่มเรือโดยสาร

“ราชาเฟอร์รี่” กางแผนขยายกองเรือเพิ่มเป็น 20 ลำในปี”63 พร้อมรอความพร้อมรุกฐานใหม่ “อันดามัน” เสริมทัพฐานฝั่งอ่าวไทย ตั้งเป้าขึ้นผู้นำด้านขนส่งทางทะเลเชื่อม 2 มหาสมุทรในอีก 5 ปีข้างหน้า

นาย อภิชาติ ชโยภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีแผนใช้เงินลงทุนอีก 300 ล้านบาท สำหรับขยายธุรกิจในปี 2561 นี้ โดยมีแผนซื้อเรือใหม่เพิ่มจำนวน 2 ลำ มีขนาดใกล้เคียงเรือ อาร์ 11 ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในกองเรือที่มีอยู่ และเพิ่งซื้อมาเมื่อปีที่แล้ว สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้มากกว่า 400 คน บรรทุกรถยนต์ขนาด 4 ล้อได้ 80 คันหรือรถบรรทุกขนาดใหญ่ได้ 40 คัน นำมาให้บริการเส้นทางดอนสัก-สมุย-ดอนสัก

“สิ้น ปีนี้บริษัทจะมีกองเรือให้บริการรวม 16 ลำ วางเป้าหมายมีผู้มาใช้บริการเพิ่มเป็น 1.5 ล้านคนในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 1.2-1.3 ล้านคนของปี 2560 เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปี 2559 ส่วนบริการรถลงเรืออยู่ที่ประมาณ 6.2 แสนคัน” นายอภิชาติกล่าวและว่า นอกเหนือจากให้บริการเส้นทางระหว่างดอนสัก-สมุย-พะงันแล้ว บริษัทยังได้เพิ่มบริการหลายประเภท โดยร่วมมือกับพันธมิตร อาทิ เพิ่มเส้นทางให้บริการไปยังเกาะเต่า บริการรถร่วมโดยสารสาธารณะหรืออาร์พี ทรานสปอร์ต เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารที่จะเดินทางทั้งขาเข้าและขาออกเกาะครบวงจร

นอกจากนี้ยังจัดทำโปรโมชั่นบัตรโดยสารรายสัปดาห์ราคาประหยัด ออก้า การ์ด สำหรับผู้ใช้บริการที่เดินทางบ่อย ล่าสุดคือปรับเวลาจองตั๋วรถลงเรือล่วงหน้าเหลือเพียง 3 ชั่วโมงก่อนเดินทาง เพื่อให้ลูกค้าสามารถเดินทางได้เร็วขึ้นและเนื่องจากปีที่ผ่านมามีนักท่อง เที่ยวต่างชาติเดินทางมายังไทยกว่า

35 ล้านคน เมื่อก่อนลูกค้าที่เดินทางมาท่องเที่ยวเกาะสมุยและเกาะพะงันกว่า 80% เป็นลูกค้าจากยุโรปและอเมริกา แต่ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เป็นกลุ่มวัยรุ่นให้ความสนใจเดินทางมาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับที่บริษัทร่วมมือกับ WeChat และ Alipay อำนวยความสะดวกด้านการใช้จ่ายเงินหยวนให้กับนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้มาใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว

“ทิศทาง ธุรกิจในปี 2561 คาดว่าแนวโน้มการท่องเที่ยวรวมทั้งการเดินทางและขนส่งทางทะเล จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งปัจจุบันครองสัดส่วนกว่า 70% ของผู้มาใช้บริการทั้งหมด จึงวางเป้าหมายที่จะเพิ่มบริการให้หลากหลายประเภทเพื่อรองรับลูกค้าในกลุ่ม ดังกล่าว”

นายอภิชาติกล่าวต่อไปว่า นอกจากเป้าหมายเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการแล้ว ยังจะเพิ่มบริการใหม่ๆ โดยวางเป้าหมายให้ท่าเรือราชาเฟอร์รี่เป็นสถานที่นัดพบหรือ meeting station โดยมีร้านกาแฟ ร้านสะดวกซื้อ ให้บริการทั้งที่ท่าเรือและบนเรือ รวมถึงบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงครอบคลุมในทุกพื้นที่เพื่อรองรับความ ต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่ม ตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป

ทั้งนี้ มั่นใจว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า ท่าเรือราชาเฟอร์รี่จะเป็นผู้นำด้านขนส่งที่เชื่อมต่อระหว่าง 2 มหาสมุทร ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน เป็นท่าเรือขนาดใหญ่ที่ทันสมัยที่สุด ซึ่งดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล

“เราตั้งเป้าว่า ภายในปี 2563 นี้ จะมีกองเรือรวม 20 ลำ โดยที่ผ่านมามีความมุ่งมั่นให้บริการในเส้นทางกระบี่ไปยังเกาะอื่น ๆ เช่น เกาะยาว ปัจจุบันยังรอใบอนุญาตและความชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งเรื่องการเปิดเส้นทางใหม่และการลงทุนพัฒนาท่าเทียบเรือในกระบี่” นายอภิชาติกล่าวปิดท้าย