
“พิพัฒน์” แจงปมรถนำขบวนนักท่องเที่ยวฮ่องกง กระทำโดยพลการ พบจนท.เอี่ยว 2 นาย รับกรณีพบบริษัททัวร์โก่งราคา “พริวิเลจคาร์ด” กระทรวง ไม่สามารถคุมได้
วันที่ 31 มกราคม 2566 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงกรณีมีนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงใช้บริการของตำรวจท่องเที่ยวในการอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง ว่ามีเพียงเจ้าที่ตำรวจท่องเที่ยว 2 คนที่เข้าไปดำเนินการโดยพลการ และไม่ได้ขออนุญาตจากกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว
- Café Amazon เฉลยเอง ไวรัลนกหน้าร้านสะดวกซื้อ กำลังจะเกิดอะไรขึ้น?
- 12 นิสิตเก่า ‘สิงห์ดำ’ ดีเด่น ปี 66 ความภาคภูมิใจ ‘รัฐศาสตร์ จุฬาฯ’ สถาบันผลิตบุคลากรชั้นนำของประเทศ
- เปิดประวัติ เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม นักการเมืองดัง ลูกเจ้าพ่อปากน้ำ
โดยกรณีที่สามารถขอใช้รถนำขบวนได้นั้นจะต้องเป็นแขกของรัฐบาล ผู้นำรัฐบาลที่เข้ามาเป็นการส่วนตัว หรือราชวงศ์ของประเทศต่าง ๆ ที่เข้ามาประเทศไทยและหากต้องการขอดูแลความปลอดภัย อารักขาบุคคลสำคัญและอำนวยความสะดวกตามจำเป็นแก่กรณี ให้ทำหนังสือมาที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว รวมถึงนักท่องเที่ยวที่มาเป็นกรุ๊ปทัวร์โดยรถบัสหลายคัน หรือรถเล็กที่แข่งแรลลี่รวมถึงบิ๊กไบก์ที่มาเป็นขบวน หากมีการขออนุเคราะห์เพื่อขอความปลอดภัยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถส่งรถนำขบวนไปได้
สำหรับกรณีบัตร พริวิเลจ คาร์ด ที่มีบริษัททัวร์หรือบริษัทนายหน้านำไปขายเกินราคา นายพิพัฒน์กล่าวว่า เป็นเรื่องการตลาดไม่สามารถควบคุมได้เพราะเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในต่างประเทศ ซึ่งบัตรนี้จะมี 7-8 ประเภท ผู้ที่ถือบัตรมีสิทธิประโยชน์ที่จะสามารถขอบริการพิเศษให้เจ้าหน้าที่เข้าไปรับแล้วนำเข้าช่องทางพิเศษ และให้การบริการในการส่งถึงหน้าประตูทางออก รวมถึงส่งถึงหน้าประตูแต่หากอยากให้มีรถรับส่งก็จะติดค่าบริการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ
ส่วนกรณีมีการโฆษณาเกินจริง ว่ามีโปรโมชั่นเสริมสามารถทำบัตรประชาชนได้ ในบัตรพริวิลเลจคาร์ดนั้น ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ได้ประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการตรวจสอบ หากเกิดเหตุการณ์นี้จริง จะให้ตำรวจเข้าไปสืบสวนสอบสวนบริษัททัวร์ที่โฆษณาแบบนั้นว่ากระทำเกินจริงหรือไม่ ซึ่งหลักเกณฑ์ของบัตรไม่มีการโฆษณาเกินจริง เนื่องจากมีอัตราค่าใช้บริการที่แน่นอนและมีราคาที่สูง
ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมให้ความร่วมมือกับฝ่ายสืบสวนอย่างเต็มที่ ในการตรวจสอบ หากพบความผิดพลาดหรือจุดที่เป็นช่องโหว่ของเงื่อนไขในการรับบัตร พร้อมปรับปรุงเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ในทางปฏิบัติขณะเดียวกันหากพบเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ก็จะดำเนินการรามกฎหมายถึงที่สุด
นอกจากนี้ ได้มอบให้การท่องเที่ยวประเทศไทยติดตามข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์อย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน จะเพิ่มมาตรการในการตรวจสอบ เช่น สถานะของผู้แทนจำหน่าย (Agent) และสถานะของผู้ถือบัตร ทุก 2 ปี