ข่าวดี! นักท่องเที่ยวจีนแห่เที่ยวไทย ข่าวร้าย “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ตบเท้าเข้า

นักท่องเที่ยว จีน ต่างชาติ
ภาพจากศูนย์ภาพมติชน

ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่า ตั้งแต่ 1 มกราคม-27 มีนาคม 2566 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมจำนวน 6.21 ล้านคน และคาดว่าสิ้นสุดไตรมาส 1/2566 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมที่ 6.47 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจีนกว่า 5 แสนคน สูงสุดเป็นอันดับ 3 รองจากมาเลเซีย และรัสเซีย

สาธารณรัฐประชาชนจีนประกาศเปิดประเทศให้กลุ่มเดินทางด้วยตัวเองออกนอกประเทศได้อย่างเป็นการทางเมื่อ 8 มกราคม 2566 หลังจากปิดประเทศเพื่อรับมือกับโควิด-19 ตามแนวนโยบาย “ซีโร่โควิด” มาร่วม 3 ปี และเปิดให้กลุ่ม “กรุ๊ปทัวร์” ออกเดินทางได้ตั้งแต่ 6 กุมภาพันธ์ 2566

นับเป็นจุดเริ่มต้นทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยอีกครั้ง และทุกฝ่ายต่างคาดหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปในทางที่ดีและกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้เร็ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าหลังจากจีนเปิดประเทศทำให้ปัญหาเดิม ๆ ทั้งทัวร์ศูนย์เหรียญ ธุรกิจนอมินี ไกด์เถื่อน ฯลฯ ได้เริ่มฟื้นกลับคืนมาด้วยเช่นกัน

“อารัญ บุญชัย” ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ข้อมูลว่า หลังจากที่สาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดให้ “กรุ๊ปทัวร์” ออกเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ มีบริษัทนำเที่ยว (เอเย่นต์ทัวร์) ในจีนส่วนหนึ่งโหมโปรโมตขายแพ็กเกจทัวร์ราคาถูกที่เรียกกันว่า “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” เป็นจำนวนมาก และคาดว่ามีแนวโน้มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว

โดยแพ็กเกจทัวร์ที่เอเย่นต์ทัวร์ในจีนโฆษณาขายในช่วงที่ผ่านมา ส่วนใหญ่มีราคาต่ำมากเมื่อเทียบกับต้นทุนการดำเนินงานในสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะราคาบัตรโดยสารสายการบินที่ยังคงระดับราคาที่สูง

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้รัฐบาลโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณและกำชับให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ หน่วยงานหลักที่ดูแลด้านการท่องเที่ยวดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวและเป็นเจ้าบ้านที่ดี เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับนักท่องเที่ยว

ADVERTISMENT

ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ (นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ) ก็ได้พบและหารือกับรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีนในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งทางรัฐบาลจีนก็มีนโยบายว่าไม่อยากให้เกิดปรากฏการณ์ทัวร์ศูนย์เหรียญในประเทศไทยเช่นกัน

กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จึงเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (กระทรวงพาณิชย์) ดีเอสไอ กระทรวงแรงงาน ฯลฯ รวมถึงสมาคมท่องเที่ยวต่าง ๆ มาร่วมประชุมหารือ เพื่อตั้งรับและป้องปรามไม่ให้สถานการณ์ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” หรือทัวร์ต่ำกว่าทุน กลับสู่วงจรเดิมไปแล้ว

ADVERTISMENT

สอดรับกับ “จาตุรนต์ ภักดีวานิช” อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ยอมรับว่าประเด็นที่เข้ามาพร้อมกับการเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีนหลังจากเปิดประเทศคือ กระแสการกลับมาของกลุ่ม “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” หรือทัวร์ต่ำกว่าทุน รวมถึงปัญหาไกด์เถื่อน และธุรกิจนอมินี

โดยกรมการท่องเที่ยวได้วางแนวทางป้องกันและแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นย้ำผู้ประกอบการให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัย การสร้างความประทับใจของนักท่องเที่ยว รวมถึงแก้ไขปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในอดีต อาทิ การหลอกลวงนักท่องเที่ยว การรั่วไหลของรายได้การท่องเที่ยว ภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ฯลฯ

ในเบื้องต้นกรมการท่องเที่ยวจะใช้กลไกของสถานทูตเข้ามาบริหารจัดการ ทำงานร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ โดยเปิดให้บริษัทนำเที่ยว (เอเย่นต์ทัวร์) ตลาดจีนขึ้นทะเบียนคู่ค้าไทย-จีน (List of Tour Operator Companies) และจัดส่งบัญชีคู่ค้าดังกล่าวไปยังสถานทูตไทยในจีนเพื่อประกอบการพิจารณาอนุมัติออกวีซ่าให้นักท่องเที่ยว

พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวจีนเลือกซื้อทัวร์คุณภาพ เลือกบริษัทนำเที่ยวถูกกฎหมาย มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว ไม่ซื้อทัวร์ที่ราคาต่ำกว่าทุน หรือราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับโปรแกรมนำเที่ยวใกล้เคียงกัน ไม่หลงเชื่อการรับจองโปรแกรมทัวร์ข้ามปีที่ราคาถูกมากเกินไป หรือมีการเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มหลังจองไปแล้ว เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังเตรียมทำข้อตกลง (MOU) ในระดับรัฐบาลกับรัฐบาลกับกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อวางแนวทางแก้ไขปัญหาในระยะยาว ทั้งทัวร์ศูนย์เหรียญ ไกด์เถื่อน และธุรกิจนอมินี รวมถึงเรื่องความปลอดภัยนักท่องเที่ยว และการคุ้มครองสิทธิของนักท่องเที่ยวจีน

ขณะที่ “สุรวัช อัครวรมาศ” รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และเจ้าของบริษัทนำเที่ยวตลาดจีน ให้ข้อมูลว่า นอกจากปรากฏการณ์ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” แล้วยังมีประเด็นของ “ทัวร์คิกแบ็ก” หรือทัวร์ซื้อหัว ก็มีแนวโน้มกลับมาอีกเช่นกัน ทั้งในรูปแบบการเข้ามาสร้างเครือข่ายเอง และหาพาร์ตเนอร์ในประเทศไทย

ส่วนใหญ่จะเป็นเครือข่ายของตัวเอง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ต่ำที่สุด มีกำไรมากที่สุด ซึ่งคาดว่าประเด็นดังกล่าวนี้จะมีความชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกันในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ทำให้ผู้ประกอบการคนไทยจริง ๆ ยังไม่ได้อานิสงส์จากการเปิดประเทศของจีนมากนัก

โดยประเด็นที่น่าเป็นห่วงของระบบทัวร์ศูนย์เหรียญและทัวร์คิกแบ็กคือ รูปแบบการทำธุรกิจท่องเที่ยวที่มีความซับซ้อนขึ้น บิดเบี้ยวจากรูปแบบปกติ สร้างปัญหา สร้างความไม่เชื่อมั่น และทำให้เกิดระบบเครือข่ายมาเฟีย

สุดท้ายกลายเป็น “อั้งยี่” ทางการท่องเที่ยว หรือที่เรียกว่า “ทัวร์อั้งยี่” ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ รายได้จากการท่องเที่ยวรั่วไหลไปอยู่ในกลุ่มทุนต่างชาติ รวมถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

พร้อมให้ข้อมูลว่า แผนการพัฒนาท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2566-2570) ระบุว่า รายได้จากการท่องเที่ยวของประเทศส่วนหนึ่งต้องสูญเสียไปกับการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ เพื่อนำไปประกอบการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ฯลฯ ซึ่งในทางเศรษฐศาสตร์เรียกส่วนที่สูญเสียดังกล่าวนี้ว่า “ส่วนรั่วไหลทางการท่องเที่ยว” หรือ tourism leakage

โดยประเมินการรั่วไหลทางการท่องเที่ยวของประเทศไทยในภาพรวมของปี 2559 ว่ามีสัดส่วนถึง 28.37% หากคำนวณรายได้ปี 2562 ที่มีรายได้รวม 3 ล้านล้านบาท มูลค่ารายได้ที่เกิดการรั่วไหลคิดเป็นมูลค่ามากถึงกว่า 8 แสนล้านบาท

ตัวเลขดังกล่าวนี้ยังไม่รวมการรั่วไหลจากปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญและทัวร์คิกแบ็ก

“ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ” รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บอกว่า ไตรมาส 1/2566 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว 6 ล้านคน เป็นนักท่องเที่ยวตลาดระยะใกล้ราว 62% นักท่องเที่ยวตลาดระยะไกลราว 38%

ส่วนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยแล้วกว่า 5 แสนคน สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 3 แสนราย และคาดว่าไตรมาส 2/2566 จะมีนักท่องเที่ยวจากจีนไม่ต่ำกว่า 5 แสนคนเช่นกัน โดยเฉพาะในเดือนเมษายนประเมินว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยที่ประมาณ 2.5 แสนคน และคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนสะสมทะลุ 1 ล้านคนได้ในเดือนมิถุนายน 2566

เช่นเดียวกับ “ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร” นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ดูแลตลาดอินบาวนด์ (นักท่องเที่ยวขาเข้า) ที่ประเมินว่านักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทยนั้นเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตนเอง (FIT) ในสัดส่วนถึงกว่า 60% โดยมีบางส่วนที่เดินทางเข้าประเทศไทยด้วยตนเองแล้วมาซื้อแพ็กเกจทัวร์ในประเทศไทยเพิ่มเติม ส่วน “กรุ๊ปทัวร์” ยังเดินทางเข้ามาในจำนวนไม่มากนัก

สำหรับภาพรวมในไตรมาส 2/2566 นี้พบว่าสถานการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีทุกตลาด สำหรับตลาดจีนคาดว่ากรณีที่เลวร้ายที่สุด (worst-case scenario) น่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยราว 5 แสนคน ใกล้เคียงกับไตรมาสแรกที่ผ่านมา และทำให้นักท่องเที่ยวจีนมีจำนวนทะลุ 1 ล้านคนได้ในไตรมาส 2 นี้

โดยปัจจัยสำคัญคือ สายการบินกลับมาให้บริการเที่ยวบินระหว่างไทยและจีนเพิ่มมากขึ้น รวมถึงภาคเอกชนที่ได้มีการพูดคุยกับสายการบินเพื่อเปิดเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากจีนมายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นเช่นกัน