เวียตเจ็ท เตรียมรับมอบ “โบอิ้ง 737 Max” 12 ลำ

เครื่องบินแบบโบอิ้ง 737 Max สายการบินเวียตเจ็ท (เวียดนาม)

เวียตเจ็ท เวียดนาม และโบอิ้ง บรรลุข้อตกลง เตรียมส่งมอบเครื่องบินโบอิ้ง 737 Max 12 ลำ ภายในปี 2567 ระหว่าง “โจ ไบเดน” เยือนเวียดนาม ระบุเครื่องบินชุดแรกจะถูกส่งมอบให้กับไทยเวียตเจ็ท

วันที่ 13 กันยายน 2566 รายงานข่าวจากเวียตเจ็ท ประเทศเวียดนาม เปิดเผยว่า คณะตัวแทนระดับสูงของสายการบินเวียตเจ็ท (เวียดนาม) และโบอิ้ง (Boeing) บรรลุข้อตกลงสำคัญเกี่ยวกับคำสั่งซื้อเครื่องบิน โบอิ้ง 737 แมกซ์ จำนวน 200 ลำ ระหว่างการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการของ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

นางเหวียน ถิ เฟือง เถา ประธานกรรมการบริหารสายการบินเวียตเจ็ท และนายเบรนแดน เนลสัน (Brendan Nelson) ประธานบริษัทโบอิ้ง โกลบอล (Boeing Global) บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการรับมอบเครื่องบินโบอิ้ง 737 แมกซ์ จำนวนสูงสุด 12 ลำ ภายในปี 2567 (ค.ศ. 2024) พร้อมทั้งระบุเงื่อนไขเพิ่มเติมในสัญญาคำสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 737 แมกซ์ จำนวน 200 ลำ ซึ่งสัญญาดังกล่าวมีมูลค่ามากกว่า 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยมีกำหนดการส่งมอบภายใน 5 ปี นับจากปี 2567 นับเป็นคำสั่งซื้อเครื่องบินที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสัญญาเชิงพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดและส่งผลต่อความสมดุลทางการค้าระหว่างเวียดนามและสหรัฐอเมริกาจนถึงปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญ

เครื่องบินชุดแรก ส่งมอบให้ “ไทยเวียตเจ็ท”

เครื่องบินโบอิ้ง 737 แมกซ์ ชุดแรกจะถูกส่งมอบแก่สายการบินไทยเวียตเจ็ท ซึ่งเป็นสายการบินในเครือเวียตเจ็ท กรุ๊ป

เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นายวรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยเวียตเจ็ทแอร์ เปิดเผยว่า สายการบินอยู่ระหว่างกระบวนการปรับปรุงฝูงบินจากเดิมใช้เครื่องบินแอร์บัส A320/A321 เปลี่ยนเป็นเครื่องบินแบบโบอิ้ง 737 Max ทั้งหมด เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป

โดยในปี 2567 ปีแรกของการปรับปรุงฝูงบิน คาดว่าจะมีเครื่องบินโบอิ้ง 737 Max เข้าประจำการทั้งหมด 6 ลำ จากนั้นระหว่างปี 2568-2571 สายการบินจะทยอยรับเครื่องบินรุ่นดังกล่าวเข้ามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งในปี 2571 จะมีฝูงบินโบอิ้ง 737 Max จำนวน 50 ลำ

รายงานระบุว่า สัญญาซื้อขายของเวียตเจ็ทในการซื้อเครื่องบินลำตัวแคบของโบอิ้งจำนวน 200 ลำ ต้องหยุดชะงักเนื่องจากปัญหาของเครื่องบินรุ่น 737 Max ตามมาด้วยผลกระทบของการระบาดใหญ่ของโรคไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกของโบอิ้ง คำสั่งซื้อและแผนการส่งมอบเครื่องบินจำนวนมากทั่วโลกถูกยกเลิกหรือเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด

อย่างไรก็ตาม ขณะที่สายการบิน หลายรายปฏิเสธการปฏิบัติตามสัญญา เวียตเจ็ทและโบอิ้งต่างพยายามหาจุดร่วมเพื่อบรรลุข้อตกลงและสร้างกลยุทธ์ระยะยาวร่วมกันเพื่อดำเนินการตามสัญญา

ดันเวียดนามเป็นศูนย์กลางด้านการบิน

รายงานระบุต่อไปว่า โบอิ้งและเวียตเจ็ทจับมือร่วมกันผลักดันให้เวียดนามเป็นศูนย์กลางระหว่างประเทศสำหรับการบริการด้านการบิน ซึ่งรวมถึงการฝึกอบรม การศึกษา และการซ่อมบำรุง

โดยทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้ อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เทคโนโลยีเชิงการบิน เชื้อเพลิงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามเกณฑ์ของอุตสาหกรรมการบิน ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการบิน การเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติการของท่าอากาศยาน รวมถึงการจัดการเที่ยวบินในเวียดนาม

นอกจากนี้ โบอิ้งมุ่งมั่นส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเวียดนามในห่วงโซ่อุปทานระดับโลกในแง่การผลิตเครื่องบินและอุปกรณ์การบิน

คำสั่งซื้อของเวียตเจ็ทคาดว่าจะขยายโอกาสการจ้างงานกว่า 200,000 ตำแหน่งสู่ตลาดแรงงานสหรัฐ โดยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 35,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรวมถึงคำสั่งซื้อเครื่องบินและบริการวิศวกรรมเครื่องยนต์ ผลสำเร็จที่บรรลุโดยทั้งสองบริษัทไม่เพียงแต่กระตุ้นการเติบโตในอุตสาหกรรมการบินและเศรษฐกิจในเวียดนามเท่านั้น แต่ยังดึงดูดนักลงทุนจำนวนมากทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงบริษัทรายใหญ่และนักลงทุนจากสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก

ขณะเดียวกัน ในระหว่างการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เวียตเจ็ท ร่วมกับ Carlyle Aviation Partners บริษัทการเงินด้านอุตสาหกรรมการบินและบริหารสินทรัพย์ชั้นนำของสหรัฐ ร่วมลงนามในข้อตกลงการเงินด้านอากาศยานมูลค่า 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่คำสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 737 แมกซ์ ก่อนดำเนินการส่งมอบ

ทั้งนี้ Carlyle Aviation Partners ก่อตั้งขึ้นในปี 2545 โดยสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ ไมอามี รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา โดยดำเนินธุรกิจด้านการเงินและการเช่าซื้อเครื่องบินทั่วโลก ปัจจุบัน ดำเนินการบริหารจัดการฝูงบินกว่า 396 ลำใน 59 ประเทศ