
SiteMinder ชี้มาตรการยกเว้นวีซ่า “จีน-คาซัคสถาน” กู๊ดสตาร์ต เชื่อนักท่องเที่ยวยังเดินทาง เงินเฟ้อไม่กระทบ คาดปีนี้ต่างชาติเที่ยวไทย 27.5 ล้านคน เผยผลสำรวจพฤติกรรมการท่องเที่ยวพบชาวจีนเกือบครึ่งต้องการเที่ยวต่างประเทศพุ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมา รับสื่อโซเชียลมีผลต่อการตัดสินใจจองที่พัก
นายแบรดลีย์ ไฮน์ส รองประธานฝ่ายภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก บริษัท SiteMinder แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสำหรับโรงแรม เปิดเผยถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวโดยรัฐบาลชุดใหม่ ผ่านการยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่าฟรี) แก่นักท่องเที่ยวชาวจีนและคาซัคสถานนั้น ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีต่อการผลักดันการท่องเที่ยว แต่อาจต้องใช้เวลาประเมินผลลัพธ์สักระยะ
“ตอนนี้ยังตอบยากว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลอย่างไร แต่เชื่อว่าในอีกไม่กี่เดือนเราน่าจะได้เห็นผลลัพธ์ อย่างไรก็ดี ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ชี้ว่านักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทย ค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น” นายแบรดลีย์กล่าว
ส่วนประเด็นด้านเศรษฐกิจนั้น นายแบรดลีย์กล่าวว่า แม้จะเห็นสัญญาณของค่าครองชีพที่สูงขึ้น รวมถึงสัญญาณเงินเฟ้อ แต่ยังเห็นแนวโน้มการออกเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ และนักเดินทางมีทั้งกลุ่มรายได้สูงและปานกลาง เช่น อินเดีย ซึ่งเข้าพักโรงแรมราคาประหยัดอยู่
“เราคาดว่าปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้าไทย 27.5 ล้านคน จากที่คาดไว้ 21.5 ล้าน จากการฟื้นตัวที่แข็งแรง และการกลับมาของตลาดนักท่องเที่ยวจีน” นายแบรดลีย์กล่าว
นายแบรดลีย์กล่าวด้วยว่า จากรายงาน Changing Traveller Report 2023 ซึ่งได้สำรวจพฤติกรรมนักท่องเที่ยวกว่า 10,000 คน จากประเทศไทยและในอีก 11 ประเทศ โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทย 835 คน กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มมิลเลนเนียล อายุ 27-42 ปี (59%) เจน X อายุ 43-58 ปี (22%)
และกลุ่มเจน Z อายุ 18-26 ปี (14%) ของบริษัท SiteMinder ในเดือนกรกฎาคม 2566 พบว่า สามารถแบ่งเป็นพฤติกรรมหลัก ๆ ได้ 4 ประเภท โดยแบ่งจากพฤติกรรมแผนการท่องเที่ยว และแรงจูงใจ ที่จะส่งผลต่อการท่องเที่ยวโลกในอนาคตอันใกล้นี้

ได้แก่ 1.นักเดินทางที่จริงจังกับการท่องเที่ยว และค่าครองชีพไม่ใช่เรื่องสำคัญ ผลการสำรวจพบว่า นักท่องเที่ยวชาวอินเดียผู้ตอบแบบสอบถาม 91% และชาวจีน 98% ตั้งใจจะท่องเที่ยวอย่างน้อยในปริมาณเท่าเดิมหรือมากกว่าเดิม ในอีก 12 เดือนข้างหน้า เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ใกล้เคียงกับชาวไทยซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 89%
ยิ่งไปกว่านั้นยังพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามชาวจีนต้องการออกเดินทางไปยัง “ต่างประเทศ” เท่านั้น อยู่ที่ 48% เพิ่มขึ้นจาก 13% เมื่อปี 2565 หรือเพิ่มขึ้น 35 จุด ส่วนนักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักร มีความเห็นต่อประเด็นเดียวกันอยู่ที่ 53% เพิ่มขึ้นจาก 32% ในปีที่ผ่านมา ชาวเยอรมัน 55% จาก 32% และฝรั่งเศส 47% จาก 24%
ขณะที่สัดส่วนนักท่องเที่ยวไทยต้องการเดินทางไป “เมืองนอก” เท่านั้น อยู่ที่ 49% เพิ่มขึ้นจาก 26% ในปี 2565 หรือเกือบ 2 เท่า ทั้งนี้ ค่าเฉลี่ยของผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลกต่อประเด็นดังกล่าวอยู่ที่ 42% จากเดิม 20% หรือ 22 จุด
สำหรับประเด็น “ราคาที่พักที่สูงขึ้นจะส่งผลต่อการเลือกที่พักของฉัน” พบว่า ชาวจีน 66% เห็นว่ากระทบ แต่ยังได้รับผลกระทบน้อยที่สุดจาก 11 ชาติที่ได้รับการสำรวจ โดยนักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักรที่ 71% ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยและอินเดีย มีความเห็นว่าได้รับผลกระทบที่ 85% และ 87% ตามลำดับ
2.นักท่องเที่ยวที่พึ่งพาเทคโนโลยีและอุปกรณ์สื่อสาร พบว่านักท่องเที่ยวชาวไทยและจีนได้รับอิทธิพลจากโซเชียลมีเดียในกระบวนการค้นพบที่พักในสัดส่วน 95% สูงเป็นอันดับที่ 2 รองจากอินโดนีเซีย 97% ตามมาด้วยนักท่องเที่ยวอินเดีย 92% ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ได้รับอิทธิพลจากโซเชียลเพียง 46%
นักท่องเที่ยวชาวจีนที่ตอบแบบสอบถาม 55% มีแนวโน้มจองที่พักผ่านตัวแทนการท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) ตามมาด้วยการค้นหาและจองผ่านเว็บไซต์เสิร์ชเอ็นจิ้นที่ 18% และการจองผ่านเว็บไซต์โรงแรมโดยตรง 12%
สอดคล้องกับชาวอินเดียที่เลือกจองที่พักผ่าน OTA ที่ 42% เสิร์ชเอ็นจิ้นที่ 26% และจองผ่านเว็บไซต์ของโรงแรม 16% อย่างไรก็ดี SiteMinder มองเห็นแนวโน้มของนักท่องเที่ยวที่ต้องการจองที่พักโดยตรงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
นอกจากนี้ยังพบว่า นักท่องเที่ยวชาวอินเดียและไทยรู้สึกหงุดหงิดใจกับกระบวนการจองที่ยุ่งยาก เช่น ระบบการชำระเงิน และมีแนวโน้มที่จะออกจากการจองที่พัก อยู่ที่ 69% และ 60% ตามมาด้วยนักท่องเที่ยวจีนที่ 48% ดังนั้นโรงแรมต้องใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดี
3.ใส่ใจชุมชน โดยพบแนวโน้มพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวต้องการสัมผัสประสบการณ์จากท้องถิ่น ทั้งในด้านวัฒนธรรม อาหาร ผู้คนและสถานที่ท่องเที่ยว และยังพบว่านักท่องเที่ยวชาวไทยให้ความสำคัญกับการรีวิวของผู้เข้าพักก่อนหน้าเป็นอย่างมาก
และ 4.ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ 81% ของนักท่องเที่ยวชาวอินเดียต้องการใช้เวลา “พอสมควร” หรือ “ส่วนใหญ่” อยู่ในที่พัก ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 51% และนักท่องเที่ยวชาวไทยมีสัดส่วนที่ 76% นอกจากนี้ SiteMinder ยังเห็นแนวโน้มนักเดินทาง “เที่ยวไป ทำงานไป” ที่ลดลง