อโมรากรุ๊ปขยายลงทุนออสเตรเลีย ทุ่มรีโนเวต “อโมราภูเก็ต” สู่ 5 ดาว

Amora hotel

“อโมรากรุ๊ป” รุกขยายพอร์ต กางแผน 3-5 ปี ขยายโรงแรมเพิ่มอีก 4 แห่ง ปักหมุดเมืองสำคัญในออสเตรเลียและกรุงเทพฯ ล่าสุดทุ่ม 500 ล้านบาทปรับโฉม “อโมรา บีช รีสอร์ต ภูเก็ต” สู่โรงแรม 5 ดาว เตรียมเปิด soft opening ธันวาคมนี้ มองสงครามอิสราเอล-ฮามาส ยังไม่กระทบ ประเมินท่องเที่ยวฟื้นตัว แต่ยังเจอความท้าทายด้านแรงงานทั้งไทยและออสเตรเลีย

นายเชาวภัทร์ สิริภัทราวรรณ เจ้าของและกรรมการ อโมรา โฮเทล แอนด์ รีสอร์ต เปิดเผยว่า ปัจจุบันอโมรากรุ๊ปเป็นผู้บริหารโรงแรมรวม 6 แห่ง

ทั้งในไทยและออสเตรเลีย มีห้องพักรวมกันที่ 1,350 ห้อง โดยในระยะ 3-5 ปีนี้บริษัทมีแผนขยายโรงแรมให้ครอบคลุมทุกเมืองสำคัญในออสเตรเลียอีก 3 แห่งคือ แอดิแลด (Adelaide), เพิร์ธ (Perth) และเมลเบิร์น โดยมุ่งเป้าไปที่เขตใจกลางแหล่งธุรกิจ (CBD) และโรงแรมในกรุงเทพฯ อีก 1 แห่ง โดยใช้โมเดลเข้าซื้อกิจการและรีโนเวต

นายเชาวภัทร์กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของโรงแรมในออสเตรเลีย อยู่ในระดับที่ดีกว่าประเทศไทย เนื่องจากตลาดการท่องเที่ยวผ่อนคลายมาตรการเร็วกว่าประเทศไทย ประกอบกับช่วงต้นปีที่ผ่านมามีอุปสงค์คั่งค้าง (pent-up demand) อยู่ ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวในประเทศ และอาจมีนักท่องเที่ยว เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรบ้างแต่เป็นจำนวนน้อย

เชาวภัทร์ สิริภัทราวรรณ
เชาวภัทร์ สิริภัทราวรรณ

โดยโรงแรมในเครืออโมราในออสเตรเลียมีจำนวน 3 แห่ง ประกอบด้วย 1.โรงแรมอโมรา จามิสัน ซิดนีย์ (Amora Hotel Jamison Sydney) โรงแรม 5 ดาว จำนวน 415 ห้องพัก และเป็นโรงแรมเรือธงของกลุ่มอโมรา ประเมินว่าไตรมาส 4/2566 นี้จะมีอัตราการเข้าพักที่ 90%

2.โรงแรมอโมรา บริสเบน (Amora Hotel Brisbane) โรงแรมขนาด 300 ห้องพัก ปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับปรุงในบางส่วน มีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2567 ประเมินว่าไตรมาส 4/2566 นี้จะมีอัตราการเข้าพักที่ 80-85% และ 3.โรงแรมอโมรา ริเวอร์วอล์ก เมลเบิร์น (Amora Hotel Riverwalk Melbourne) โรงแรมขนาด 111 ห้องพัก

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ADR ของโรงแรมในออสเตรเลียนั้นสูงกว่าก่อนโควิด-19 ไปแล้ว เช่น โรงแรมในซิดนีย์อยู่ที่ระดับ 120-130% และโรงแรมในออสเตรเลียสร้างรายได้คิดเป็นสัดส่วนราว 70-80% ของกลุ่มอโมรากรุ๊ป

สำหรับในประเทศไทยก็มี 3 แห่งเช่นกัน ได้แก่ 1.อโมรา บีช รีสอร์ต ภูเก็ต (Amora Beach Resort Phuket) จำนวน 264 ห้องพัก ตั้งอยู่บริเวณหาดบางเทา ล่าสุดในช่วงโควิด-19 บริษัทได้ใช้งบประมาณ 500 ล้านบาท หรือ 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการปรับปรุงโรงแรม และเตรียมเปิดให้บริการแบบ soft opening ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้

การปรับปรุงโรงแรมดังกล่าว เป็นไปเพื่ออัพสเกลสู่โรงแรมระดับ 5 ดาว มีพื้นที่บีชคลับ มีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ห้องแกรนด์บอลรูม ความจุ 300-400 คน ห้องประชุม 2 ห้อง บีชคลับ คิดส์คลับ การพัฒนาด้านอาหารและเครื่องดื่ม ฯลฯ ซึ่งนี่จะช่วยขยายตลาดให้กับโรงแรม สู่ลูกค้ากลุ่มอินเซนทีฟไมซ์ และตลาดคู่รักแต่งงานชาวอินเดียมากขึ้น

“สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เข้าพักนั้น เราประเมินว่าตลอดทั้งปีจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียและกลุ่มประเทศนอร์ดิก รวม 50% นักท่องเที่ยวจีน (F.I.T.) 20% นักท่องเที่ยวอินเดียและกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง 15% นักท่องเที่ยวออสเตรเลีย 10% นักท่องเที่ยวชาวไทย 5%” นายเชาวภัทร์กล่าว

2.โรงแรมอโมรา นีโอลักซ์ กรุงเทพ (Amora Neoluxe Hotel Bangkok) ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 31 ขนาด 60 ห้องพัก ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักในระดับสูง โดยลูกค้าส่วนใหญ่เข้าพักระยะยาว ทั้งนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น (expat) และยังพบว่านักท่องเที่ยวชาวไทยใช้บริการด้วย

และ 3.โรงแรมอโมรา เชียงใหม่ (Amora Hotel Chiang Mai) ตั้งอยู่ใกล้กับประตูท่าแพ ขนาด 200 ห้องพัก ปัจจุบันโรงแรมดังกล่าวอาจยังไม่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการยกเลิกการตรวจลงตรา (วีซ่า-ฟรี) แก่นักท่องเที่ยวจีนมากนัก

Amora hotel

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าไตรมาส 4/2566 โรงแรมจะกลับมาฟื้นตัวได้ดี และคาดว่าลูกค้า 30-40% จะเป็นชาวจีน อย่างไรก็ดี โรงแรมในพื้นที่เชียงใหม่ยังเผชิญความท้าทายด้านราคา แม้ว่าจะมีอัตราการเข้าพัก (occupancy rate) ที่ดี

นายเชาวภัทร์ยังประเมินภาพรวมของธุรกิจโรงแรมในไตรมาสที่ 4/2566 นี้ด้วยว่า มีสัญญาณบวกที่ดี ส่วนหนึ่งจากรายได้เฉลี่ยต่อห้องที่ขายได้ในแต่ละช่วงเวลา (ADR) อยู่ในระดับที่สูงขึ้น ส่วนอีกปัจจัยที่ต้องจับตาคือจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทย

“ตอนนี้เราเผชิญความท้าทายจากปัญหาการขาดแคลนแรงงานทั้งในประเทศไทยและออสเตรเลีย โดยในพื้นที่ภูเก็ตเกิดการแข่งขันดึงดูดแรงงานจากภูมิภาคอื่น ๆ แรงงานชั่วคราวอาจมีค่าจ้างที่ 800-900 บาทต่อวัน และอาจพุ่งสูงในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ที่ 1,400 บาทต่อวัน” นายเชาวภัทร์กล่าว

และว่า ส่วนนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลนั้น มองว่าอาจไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากแรงงานมีค่าจ้าง หรือค่าจ้างรวมเซอร์วิสชาร์จสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว สำหรับปัญหาขาดแคลนแรงงานในออสเตรเลียนั้น เป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-19 ที่แรงงานต่างชาตินั้นเดินทางกลับประเทศ