“ทิฟฟานี่” ไม่หวั่น ศก.ซบ มุ่งยกระดับโชว์-รอโอกาสลงทุนใหม่

ประกาศทุ่มลงทุนไปกว่า 500 ล้านบาท สำหรับปั้นแหล่งท่องเที่ยว man-made attraction ของเมืองพัทยา พร้อมทั้งรีโนเวตโรงละคร “ทิฟฟานี่โชว์” ครั้งใหญ่ในรอบ 40 ปี ไปเมื่อกลางปี 2561 ที่ผ่านมา สำหรับกลุ่ม PTS Group กลุ่มทุนใหญ่ของเมืองพัทยา

“ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์ “จ๋า-อลิสา พันธุศักดิ์ คุนผลิน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีเอส กรุ๊ป จำกัดผู้บริหารโรงละครทิฟฟานี่โชว์ พัทยา และโรงแรมในเครือวู้ดแลนด์ พัทยา ถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในพื้นที่เมืองพัทยา รวมถึงการตอบรับและแผนงานของทิฟฟานี่โชว์ ซึ่งเป็นโชว์อันดับ 1 ของเมืองพัทยา ไว้ดังนี้

“อลิสา” บอกว่า นับตั้งแต่เริ่มปรับปรุงโรงละครและก่อสร้างศูนย์อาหาร Thai Marche บริเวณใกล้โรงละครทิฟฟานี่โชว์ พัทยาในปี 2561 นั้น ปัจจุบันการปรับปรุงโรงละครได้ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยการปรับปรุงโรงละครครั้งนี้เป็นการปรับปรุงทุกพื้นที่ของโรงละคร ตั้งแต่องค์ประกอบภายในเธียเตอร์ อาทิ เก้าอี้, เวที ฯลฯ ไปจนถึงพื้นที่ก่อนเข้าสู่โรงละครอย่างลิฟต์ ทางลาดหรือการตกแต่ง

โดยเชื่อว่าหลังการปรับปรุงโรงละครครั้งใหญ่นี้ “ทิฟฟานี่โชว์” พัทยา จะยกระดับบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกให้ดียิ่งขึ้น ส่วนราคาค่าบัตรนั้นทางบริษัทได้ปรับให้สอดรับอัตราเงินเฟ้อเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ไม่ถือว่าเป็นนัยสำคัญแต่อย่างใด

หวังปั้นรายได้จากธุรกิจอาหาร

“อลิสา” บอกด้วยว่า สำหรับศูนย์อาหารไทย มาเช่ (Thai Marche) ซึ่งยังอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างนั้น ปัจจุบันเปิดใช้งานได้แล้ว 1 พื้นที่ คือ ส่วนของ “คาเฟ่” ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก ส่วนศูนย์อาหารคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ โดยศูนย์อาหารไทยแหล่งนี้สามารถรองรับผู้ใช้บริการได้ถึง 300-400 คนต่อวัน และคาดหวังว่า “ไทย มาเช่” จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่สามารถสร้างรายได้อยู่ในสัดส่วนประมาณ 50% ของรายได้จากทิฟฟานี่โชว์ พัทยา

“ความโดดเด่นของไทย มาเช่ คือ ความหลากหลายทางด้านอาหารที่มีให้นักท่องเที่ยวเลือกในแบบอะลาคาร์ต เพื่อตอบสนองความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวตามงบประมาณที่นักท่องเที่ยวมี ซึ่งทาง “ไทย มาเช่” เองก็ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อสนองบริการทัวร์เท่านั้น แต่จะเป็นฟู้ดสเตชั่นที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้จำนวนมากกว่า”

ท่องเที่ยวพัทยาปี”62 ซบ

อย่างไรก็ตาม “อลิสา” ยอมรับว่า ตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ปี 2562 จำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวมที่เข้าสู่พัทยาก็ลดลงประมาณ 25% ทำให้ทิฟฟานี่โชว์ พัทยา เองก็ได้รับผลกระทบ มีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงประมาณ 15% โดยแต่เดิมก่อนจะเข้าสู่ปี 2562 ทิฟฟานี่โชว์ พัทยา มีจำนวนผู้ใช้บริการจากตลาดจีนมากที่สุดประมาณเกือบ 70% รองลงมาเป็นตลาดยุโรปประมาณ 20-30% ส่วนตลาดอื่น ๆ อย่างเกาหลีและอินเดียจะเดินทางตามฤดูกาลเป็นหลัก ส่วนในปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวยุโรปลดน้อยลงเหลือไม่ถึง 10% เท่านั้น

นอกจากนั้น โดยปกติแล้วในช่วงสัปดาห์วันชาติหรือโกลเด้นวีกของนักท่องเที่ยวจีนในทุก ๆ ปี เราจะต้องเพิ่มรอบ แต่ในปีนี้เราเพียงแค่มียอดการจองเต็มเท่านั้น แต่ไม่ได้มีการขยายรอบเพิ่มเหมือนเช่นทุกปี

“ปีนี้สภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนส่งผลกระทบออกไปทั่วโลก ในขณะที่ท่องเที่ยวไทยเองก็ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือเงินบาทแข็งค่า ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวลดจำนวนลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากยุโรปที่หายไปเลย หรือเรียกได้ว่าตลาดพัง คล้ายกับช่วงที่ตลาดรัสเซียมีปัญหาเรื่องค่าเงิน ฝั่งตลาดจีนนักท่องเที่ยวที่มีกำลังจ่ายก็มีเฉพาะในตลาดไฮเอนด์ คนจีนในตลาดแมสลดน้อยลง จนทำให้ปีนี้เป็นปีที่ยากสำหรับแอตแทร็กชั่นในพัทยา”

ยกระดับคุณภาพรับตลาดเปลี่ยน

“อลิสา” ยังบอกอีกว่า นอกจากความหนักหนาสาหัสที่แหล่งท่องเที่ยวในพัทยาต้องประสบแล้ว ปัจจุบันเทรนด์การท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงไปโดยถูกดิสรัปต์จากอินเทอร์เน็ตและโซเชียลเน็ตเวิร์ก ส่งผลให้นักท่องเที่ยวหันมาเดินทางด้วยตัวเอง เปลี่ยนไปเป็นนักท่องเที่ยวอิสระ หรือ “เอฟไอที” มากขึ้น

“ทิฟฟานี่โชว์ พัทยา” ที่เล็งเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงตลาดที่จะเกิดขึ้น จึงได้ใช้เวลาตลอด 5-6 ปีที่ผ่านมา ในการปรับภาพลักษณ์ให้มีความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น เพื่อให้การตัดสินใจซื้อตั๋วเข้าชมการแสดงมาจากการตัดสินใจของลูกค้าโดยตรง ทำให้ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าเป็นนักท่องเที่ยวเอฟไอทีกว่า 80%

ผู้บริหารสาวแห่งทิฟฟานี่โชว์ยังคาดการณ์ถึงแนวโน้มด้วยว่า สำหรับปีหน้าซึ่งเศรษฐกิจยังคงอยู่ในภาวะที่ไม่ดีนัก ผลประกอบการของทิฟฟานี่โชว์ พัทยาน่าจะทรง ๆ อยู่ใกล้เคียงกับปี 2562 ที่คาดว่าจะต่ำกว่าปี 2561 ประมาณ 15% ดังนั้น การปรับปรุงคุณภาพบริการและการแสดงจึงมีความสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้ทิฟฟานี่โชว์สามารถอยู่รอดปลอดภัยได้ในช่วงดังกล่าวบริษัทจึงตั้งใจที่จะพัฒนาโชว์ให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปผ่านการเพิ่มเติมเทคโนโลยีและการเทรนนิ่งนักแสดงให้ได้ระดับสากล

นอกจากนี้ ในปี 2563 ที่จะถึงนี้ทาง “ทิฟฟานี่โชว์” พัทยา ยังมีแผนขยายตลาดออกไปเพิ่มเติมอีก โดยมีตลาดเอเชียเป็นตลาดหลัก อาทิ อินเดีย จีน และประเทศอื่น ๆ

ทั้งนี้ ยังคงเชื่อว่าการท่องเที่ยวไทยจะไม่ตาย ถ้ายังคงรักษาวัฒนธรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยเราเอาไว้ได้ เพราะไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวยังอยากเดินทางมา

รอจังหวะบุกโปรเจ็กต์ใหม่

“อลิสา” ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงแผนระยะยาวกว่า 5-10 ปีด้วยว่า บริษัทมีแผนที่จะขยายฐานของโรงละครออกไปให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ในจำนวนที่มากขึ้นกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบันอีก เพียงแต่ยังต้องรอดูสถานการณ์และความสามารถในการแข่งขันของประเทศประกอบการตัดสินใจอีกครั้งโดยโปรเจ็กต์ใหม่ในการเปิดทิฟฟานี่โชว์ ภูเก็ต ก็เป็นหนึ่งในแผนด้วย

อย่างไรก็ตาม จากการที่ภูเก็ตมีสนามบินนานาชาติในพื้นที่น่าจะทำให้ตลาดโชว์ภูเก็ตอาจจะขยายใหญ่กว่าพัทยาไปแล้ว