“พิพัฒน์” แจงทุกประเด็น ทำไมต้องเป็น “ไทยแลนด์ ลองสเตย์”

สัมภาษณ์

ยังคงผลักดันเพื่อทดลองเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อเนื่องภายใต้โครงการ “ภูเก็ต โมเดล” สำหรับกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ที่เตรียมใช้ภูเก็ตเป็นจังหวัดนำร่อง เนื่องจากเป็นพื้นที่จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันก็มีเสียงทักท้วงจากหลายส่วนว่าทำไมรัฐบาลจึงให้สิทธิ “ไทยแลนด์ ลองสเตย์” เป็นผู้ดำเนินตามโครงการนี้เพียงรายเดียว

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์พิเศษ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ถึงแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวภายใต้โครงการ “ภูเก็ต โมเดล” รวมถึงเหตุผลในการให้ “ไทยแลนด์ ลองสเตย์” หรือบริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด เข้ามาเป็นผู้ดำเนินการไว้ดังนี้

ลงพื้นที่ฟังเสียงคนภูเก็ต

“รมต.พิพัฒน์” ย้ำก่อนให้สัมภาษณ์ว่าแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวภายใต้โครงการ “ภูเก็ต โมเดล” นั้นจะเดินต่อไปได้ต้องผ่านกระบวนการทำประชาวิจารณ์ หรือรับฟังเสียงประชาชนในพื้นที่ของจังหวัดภูเก็ตในวันที่ 5-6 กันยายนก่อน โดยในวันดังกล่าวนั้นทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ พร้อมด้วยกระทรวงมหาดไทย, กระทรวงคมนาคม และกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่รับฟังเสียงและทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ และเตรียมความพร้อมในทุก ๆ ด้าน

พร้อมยืนยันว่า ขณะนี้รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมในการเปิดรับนักท่องเที่ยวด้วยการให้ “ไทยแลนด์ ลองสเตย์” หรือบริษัทไทยจัดการลองสเตย์ เข้ามาเป็นตัวแทนดำเนินงานเพื่อนำนักท่องเที่ยวกลุ่มลองสเตย์เข้ามาพักระยะยาวในภูเก็ต เพื่อเป็นการนำร่องก่อนที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วไปในลำดับต่อไป

ไทยแลนด์ ลองสเตย์ แค่นำร่อง

ต่อคำถามว่า ทำไมถึงเลือก “ไทยแลนด์ลองสเตย์” เข้ามาดำเนินการในครั้งนี้”รมต.พิพัฒน์” บอกว่า ไทยแลนด์ ลองสเตย์ถือหุ้นโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในสัดส่วน 30% และมีสมาชิกในมือแล้วอยู่จำนวนหนึ่ง

“ไทยแลนด์ ลองสเตย์ จะเปรียบเสมือนบริษัททัวร์ คือ มีหน้าที่ช่วยจัดหาที่พัก ทำเอกสารและขอวีซ่าเข้าประเทศไทย ซึ่งโดยทั่วไปการขอวีซ่าเข้าประเทศไทยขณะนี้ค่อนข้างยาก แต่ถ้าเป็นของไทยแลนด์ ลองสเตย์เขาจะดำเนินการขอวีซ่าได้ครั้งละ 90 วัน และสามารถต่อได้ถึง 3 ครั้ง รวมแล้วได้ถึง 270 วันนี่คือข้อดีที่เขามีนอกเหนือจากที่มีสมาชิกที่พร้อมจะเดินทางและใช้บริการอยู่แล้ว”

พร้อมเดินทางแล้วเกือบ 200 คน

“รมต.พิพัฒน์” บอกด้วยว่า การนำเอา”ไทยแลนด์ ลองสเตย์” เข้ามาเป็นตัวจัดการนั้นเป็นเพียงแค่โปรเจ็กต์นำร่อง เนื่องจากขณะนี้มีสมาชิกที่ได้แจ้งความจำนงเบื้องต้นว่าอยากเข้ามาพำนักระยะยาวในประเทศไทยแล้วเกือบ 200 ราย จากฐานสมาชิกที่มีอยู่หลายพันคน ซึ่งคนเหล่านี้ได้แจ้งความประสงค์เข้ามากักตัวในห้องพัก 14 วันสิ่งสำคัญคือ น่าเป็นห่วงว่าถ้าหากนักท่องเที่ยวกลุ่มแรก ๆ ที่มานั้นเกิดมีผู้ติดเชื้อสักคนทุกอย่างจะจบทันทีนี่คือเหตุผลที่ทางกระทรวงเลือกเอา “ไทยแลนด์ ลองสเตย์” เข้ามาเป็นตัวกลางในการดำเนินงานครั้งนี้

“เมื่อไทยแลนด์ ลองสเตย์ ซึ่งมี ททท.ถือหุ้นอยู่แสดงความจำนงเข้ามา เราจึงคิดว่าเมื่อเขามีความเชี่ยวชาญด้านนี้เราก็ควรใช้บริการน่าจะดีกว่า ซึ่งเขาก็คิดค่าบริการสำหรับการดำเนินการทุกอย่างไม่สูง คือราว 20,000 กว่าบาทต่อคนเท่านั้น ซึ่งผมคิดว่าสะดวกและดีกว่าที่จะให้นักท่องเที่ยวไปยื่นวีซ่าเอง จึงคิดว่ารูปแบบนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจและน่าทดลอง”

เชื่อ ททท.คัดกรองมาดีแล้ว

เมื่อถามว่าทำไม “ไทยแลนด์ลองสเตย์” ถึงได้รับสิทธิขอวีซ่าได้ครั้งละ 90 วันและต่อได้ถึง 3 ครั้ง “พิพัฒน์” ตอบว่า ข้อมูลนี้ตนไม่ทราบเพราะบริษัทนี้มีมานานแล้ว ก่อนที่ตนจะมาเป็นรัฐมนตรี แต่ทาง ททท.เป็นผู้นำเสนอให้กับทางกระทรวงก็ต้องถือว่า ททท.ได้คัดกรองมาอย่างดีแล้ว

“ถ้าไทยแลนด์ ลองสเตย์ ยังมีลูกค้าเข้ามาเรื่อย ๆ ผมก็ไม่ขัดข้อง หรือหากใครสนใจและแจ้งความประสงค์มาเราก็รับหมด แต่เบื้องต้นก็ขอเอาไทยแลนด์ลองสเตย์มาลองก่อน หลังจากที่คนไทยยอมรับคงเป็นหน้าที่ของบริษัททัวร์ทั่วไปที่จะนำนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เข้ามา และแน่นอนว่าบริษัททัวร์เขาก็มีลูกค้าของเขามากกว่าไทยแลนด์ ลองสเตย์”

ยันไม่เกี่ยว “การเมือง”

ต่อคำถามอีกว่า ท่านรัฐมนตรีคิดอย่างไรที่มีคนบอกว่าประเด็นนี้เป็นเรื่องการเมือง และมองว่า “ไทยแลนด์ ลองสเตย์” ไม่มีประสบการณ์ทำตลาดลองสเตย์เลย แต่ทำธุรกิจให้บริการรถกอล์ฟ วี.ไอ.พี.ในสนามบินสุวรรณภูมิ “รมต.พิพัฒน์” บอกว่า ประสบการณ์การทำงานเขาก็มีบ้าง แต่ว่าหลัง ๆ นี้ค่อนข้างจะไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อเขาพร้อมและแจ้งวัตถุประสงค์มาจึงอยากลอง แต่สำคัญที่สุด คือ “ไทยแลนด์ลองสเตย์” ได้สิทธิในการขอวีซ่า 90 วัน ถ้าเป็นบริษัททัวร์ทั่วไปขอไม่ได้ ส่วนประเด็นเรื่องของการเมืองนั้นยืนยันว่าไม่ใช่แน่นอน

พร้อมอธิบายว่า วันนี้กำลังทำเรื่องของการท่องเที่ยว เอารายได้เข้าประเทศจะไม่เอามิติการเมืองเข้ามายุ่ง โดยเฉพาะท่านนายกฯ (ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ที่พูดตลอดเวลาว่าการทำงานเพื่อประเทศชาติเราจะไม่เอามิติของการเมืองเข้ามายุ่งเรื่องของกระทรวงการท่องเที่ยวฯก็ไม่ได้แยกว่าเป็นพรรคอะไร วันนี้ทำหน้าที่ภายใต้ร่มธงของท่านนายกฯประยุทธ์เท่านั้น

“พวกเราถือว่าเราเป็นรัฐบาลไม่ได้มองว่าอันนี้เป็นของพรรคนั้นพรรคนี้ถ้าคิดแบบนั้นเราจะทำงานไม่ได้ และตัวผมเองผมก็บอกได้เลยว่าเวลาทำงานผมจะลืมคำว่าพรรค เราต้องคิดว่าเราทำงานเพื่อประเทศไทย มันเป็นรายได้ที่เข้าประเทศไทย ดังนั้น เรื่องการเมืองผมไม่เคยคิด และถ้าเราเอาเรื่องการเมืองมาพูดทุกอย่างจะวุ่นวายไปหมด”

แปลงโอกาสเป็น “รายได้”

“รมต.พิพัฒน์” ยังบอกอีกว่า วันนี้ประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับ 1 ที่ป้องกันโควิด-19 แล้ว จึงมองว่าเราจะแปลงให้ประเทศได้ประโยชน์สูงสุด

อย่างไร อันนี้คือสิ่งที่ท่านนายกฯบอกมา ถ้าเรากอดแต่เกียรติยศสุดท้ายอดตายมันก็ไม่ใช่ วันนี้เราต้องคิดว่าทำอย่างไรให้ประเทศไทยเราฟื้น เพราะทั้งโลกมันตกต่ำมากจากโรคระบาดอยู่แล้ว พูดง่าย ๆ คือ ทำอย่างไรที่จะเปลี่ยนเกียรติยศให้เป็นเงิน เป็นโอกาสในการสร้างรายได้เข้าประเทศ ซึ่งส่วนตัวมองว่าวันนี้โอกาสของประเทศไทยมาแล้วถ้าไม่ทำอะไรเลยประเทศก็จะเสียโอกาส ฉะนั้น มีโอกาสก็ต้องรีบฉวย เหมือนที่คนโบราณบอกว่า น้ำขึ้นให้รีบตัก (หัวเราะ)

มั่นใจ ศบค.เข้าใจหลักการ

“รมต.พิพัฒน์” ยังเพิ่มเติมอีกว่าส่วนตัวเชื่อว่าทาง ศบค.เข้าใจแนวทางการทำงานของทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯพอสมควร โดย ศบค.ชุดเล็กได้ทำข้อมูลออกมาพอสมควรแล้ว เพราะรูปแบบการกักตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มนี้จะเหมือนกับรูปแบบการกักตัวของคนไทยที่เดินทางมาจากประเทศที่เข้ามาทุกวัน เพียงแต่เปลี่ยนจากคนไทยเป็นชาวต่างชาติเท่านั้นเอง ที่สำคัญค่าใช้จ่ายทั้งหมดพวกเขาต้องจ่ายเอง

ที่สำคัญคือ กลุ่มนี้เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มไฮเอนด์ ซึ่งเราพูดกันมาตลอดว่าทรัพยากรของประเทศถูกทำลายไปเยอะแล้ว ทำไมเราไม่เน้นคุณภาพ วันนี้จึงเป็นโอกาสที่เราจะต้องเน้นคุณภาพ เพราะเรามีสิทธิเลือก