เชื่อหรือไม่ ว่า World Health Organization (WHO) ในภาษไทยใช้ชื่อว่า “องค์การอนามัยโลก” เคยเตือนโลกให้รู้ถึง “ความไม่พร้อม” ที่จะรับมือการแพร่ระบาดของไรรัสครั้งใหญ่แค่ 3 เดือน ก่อนโควิด-19 จะเกิดขึ้นที่เมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน แต่ไม่มีประเทศไหนฟัง
จากข้อมูลศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ณ วันที่ 3 พ.ค. มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกกว่า 3,484,176 คน อยู่ในขั้นการรักษา 50,858 ราย หายแล้ว 1,120,930 คน และเสียชีวิต 244,778 คน ทั่วโลก
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
ล่าสุดทำให้สหรัฐอเมริกา กลายเป็นศูนย์กลางการระบาดใหม่ ติดเชื้อสูงถึง 1,160,774 คน และเสียชีวิต 67,444 คน มากกว่ายุคสงครามเย็นที่สหรัฐฯ ส่งทหารไปรบและเสียชีวิตในสงครามเวียดนาม
ช่วงกลางเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ยังประกาศระงับการให้เงินสนับสนุน WHO ด้วยเหตุผลว่า WHO ปกปิดความรุนแรงในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจีน ทำให้เชื้อระบาดไปทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม “บิล เกตส์” ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานมูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ ซึ่งเตรียมทุ่มเงินบริจาคของมูลนิธิผลิตวัคซีน สู้กับไวรัส -19 เคยทำนายไว้ก่อนจะเกิดไวรัสระบาดที่เมืองอู่ฮั่นถึง 7 เดือน ว่าโลกไม่พร้อมรับมือการระบาดของไวรัส
ในหนังสารคดีเรื่อง Coronavirus, Explained ที่ฉายบนช่อง Netflix “เกตส์” ให้สัมภาษณ์ว่า สิ่งที่จะคร่าชีวิตมนุษย์ได้เป็นล้านคนนั้น “โรคระบาด” คือความเสี่ยงครั้งใหญ่ ผู้คนจะเสียชีวิตเท่าๆ กับการเกิดสงคราม ตามมาด้วย เศรษฐกิจจะหยุดชะงัก มนุษยชาติจะเสียหายจนไม่อาจคาดคิด และไม่มีประเทศไหนที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้
ทั้งที่ “ไวรัส” ที่มีอยู่ในธรรมชาติ – ในสัตว์ป่ากว่า 1.5 ล้านชนิด ไม่มีใครรู้ว่าไวรัสจะกลายพันธุ์เข้าสู่ร่างกายมนุษย์ เมื่อไหร่ เวลาใด เหตุนี้มนุษย์จึงยังไม่มีวัคซีนรักษา แต่ระบบป้องกันภัยร้ายด้านสาธารณสุขกลับถูกมองข้าม ประเทศมหาอำนาจกลับทุ่มสรรพกำลังไปกับการเสริมสร้างยุทโธปกรณ์ทางการทหาร
เสริมสร้างศักยภาพในการป้องกันประเทศ ทั้ง โดรนสังหาร เครื่องบินรบ รถถัง เรือบบรรทุกเครื่องบิน ระเบิดชนิดใหม่ๆ มากกว่าตรียมรับมือภัยพิบัติด้านสาธารณสุข
หนังสารคดีชิ้นนี้ความยาวเพียงแค่ 26 นาที ด้วยวิธีการเล่าเรื่องโควิด -19 ง่าย – ไม่ซับซ้อน แต่สะท้อนให้เห็นถึงความหละหลวมด้านสาธารณสุขของโลกเป็นอย่างดี
ในปี 2005 (พ.ศ.2548) WHO ออกคู่มือ “แนะนำ” 196 ประเทศสมาชิก ให้เตรียมพร้อม – พัฒนาการรับมือโรคระบาด และให้รายงานต่อ WHO
แต่ไม่มีใครส่งรายงาน ทั้งโลกกลับเพิกเฉย!
3 เดือน ก่อนเกิดไวรัสอู่ฮั่น WHO ออกรายงานชิ้นหนึ่งเมื่อ กันยายน 2562 ชื่อว่า A WORLD AT RISK : Annual report on global preparedness for health emergencies เป็นรายงานประจำปีเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมระดับโลก สำหรับกรณีฉุกเฉินด้านสุขภาพ
ในรายงานฉบับดังกล่าว ระบุชัดเจนว่า โลกไม่พร้อมรับมือกับการระบาดของเชื้อโรคระบบทางเดินหายใจครั้งใหญ่ ซึ่งจะคร่าชีวิตผู้คน 50-80 ล้านคน และจะล้างบางเศรษฐกิจของโลกเกือบ 5%
“then there is a very real threat of a rapidly moving, highly lethal pandemic of a respiratory pathogen killing 50 to 80 million people and wiping out nearly 5% of the world’s economy”……“world is not prepared”
เมื่อโลกยังไม่พร้อมรับมือ วัคซีนยังอยู่ในขั้นพัฒนา ดังนั้น วิธีที่โลกใช้ชะลอการแพร่ระบาดของไวรัสจึงมี 2 วิธี 1. Quarantine (การกักกันโรค) 2.Social distancing (รักษาระยะห่างทางสังคม) เป็นวิธีชะลอการระบาดของ “ไวรัส” ที่ใช้กันทั้งโลก และใช้ตั้งแต่ยุคโบราณกาล ตั้งแต่การระบาดของกาฬโรค เมื่อ 7 ร้อยปีที่แล้ว
ในปี 1918 ที่มีการระบาดของโรคไข้หวัดสเปนไปทั้งโลก จนทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 20 ล้านคน และมีผู้ติดเชื้อ 50 ล้านคน
มีการเปรียบเทียบมาตรการการป้องกันใน 2 เมืองใหญ่ของสหรัฐแตกต่างกัน
ที่เมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี มีการใช้นโยบาย Social distancing และการล็อกดาวน์กิจการต่างๆ ขณะที่ เมืองฟิลาเดลเฟีย ในรัฐเพนซิลเวเนีย ยังมีการเดินขบวนพาเหรดใหญ่ในงาน “Liberty Loan” ช่วงที่ไข้หวัดสเปนระบาด
ที่สุดแล้วอัตราการติดเชื้อ – ตาย ที่เซนต์หลุยส์มีจำนวน 358 ราย ต่อประชากร 100,000 คน ส่วนเมืองฟิลาเดเฟียที่ไร้การล็อกดาวน์ มีอัตราการตายสูงกว่าเห็นได้ชัด คือ 748 ต่อจำนวนประชากร 100,000 คน
แต่ทว่า..เมืองเซนต์หลุยส์ ได้คลายล็อกดาวน์เร็วเกินไป จึงทำให้เกิดการการระบาดซ้ำ ต้อง “ล็อกดาวน์” เมืองรอบสอง
สถานการณ์เมื่อ 102 ปีก่อน ยังคงเป็นบทเรียนสำหรับสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน
ความไม่พร้อมด้านสาธารณสุขทั้งโลก หลายประเทศยังจัดอยู่ในกลุ่ม “รังของโรค”
แม้รัฐบาลคลายล็อกดาวน์ ผู้ติดเชื้อในแต่ละวันลดลงต่ำสิบ แต่ถ้าประมาท – การ์ดตกเมื่อไหร่ “ไวรัสอันตราย” จะกลับมาระบาดอีกครั้ง
ภาพประกอบ Netflix