แม้รัฐบาลอังกฤษจะปั่นป่วนกี่ระลอก “แลร์รี” แมวประจำทำเนียบ ก็ยังหนึบตำแหน่งอย่างมั่นคง ล่าสุดสร้างวีรกรรมให้คนฮือฮาอีก ด้วยการไล่สุนัขจิ้งจอก
วันที่ 14 ตุลาคม เดอะ การ์เดียน รายงานเรื่องราวของเจ้าเหมียว แลร์รี พนักงานประจำบ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิ่ง กรุงลอนดอนของอังกฤษ อายุ 15 ปี อยู่ประจำทำเนียบตั้งแต่ปี 2554 ผ่านสมัยนายกฯ เดวิด คาเมรอน, เธรีซา เมย์, บอริส จอห์นสัน จนมาถึง ลิซ ทรัสส์ ล่าสุดโชว์ผลงา เลื่อนขั้นจากภารกิจจับหนูมาเป็นไล่สุนัขจิ้งจอก
- แคดเมียมมีดีอะไร ทำไมแค่กากยังมีคนอยากได้?
- เช็กเงินอุดหนุนบุตร 600 บาท เดือนเมษายน 2567 เงินเข้าวันไหน
- ปรับเงินเพิ่มค่าครองชีพ ข้าราชการ 4 กลุ่ม เริ่ม 1 พ.ค.นี้
กล้องวงจรปิดทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษจับภาพนาทีที่แลร์ลีไล่กวดสุนัขจิ้งจอกวิ่งหนีเข้าไปซ่อนตัวในแปลงดอกไม้ได้ แสดงถึงชัยชนะของแลร์รี
เรื่องนี้ทำให้หลายคนสงสัยว่าแมวตัวเล็กกว่า แต่กล้าหาญไปไล่จิ้งจอกหรือสุนัขได้อย่างไร
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าสัญชาติญาณกำหนดพฤติกรรมแมวมาตั้งแต่บรรพบุรุษแมวป่าแล้ว แมวบ้านคล้ายกับแมวป่าทั้งพันธุกรรมและพฤติกรรมซึ่งมีความสัมพันธ์กับแมวป่า มากกว่าสุนัขมีความเชื่อมโยงกับหมาป่า
วิถีชีวิตของนักล่าสันโดษอย่างแมวจะหวงแหนอาณาเขตในการล่าและหาคู่
นิกกี เทร์วอร์โรว์ ผู้จัดการด้านนพฤติกรรมของมูลนิธิคุ้มครองแมวกล่าวว่าแมวจะเผชิญหน้ากับสัตว์อื่นเมื่อถูกคุกคาม แม้แต่สุนัข เพราะแมวหวงอาณาเขตซึ่งเป็นไปตามสัญชาติญาณที่ฝังแน่น
แมวมี “เขตบ้าน” เป็นพื้นที่นอนและกินโดยทำเครื่องหมายบอกเอาไว้ด้วยการฉี่ ข่วนหรือถูหน้าฝากกลิ่นไว้กับวัตถุ เพื่อเตือนแมวตัวอื่นว่าตรงนี้จองแล้วและเดินตรวจตราอาณาเขตของมันตามปกติ ถ้าแมวเพื่อนบ้านไม่อยากปะทะก็ต้องหลีกทางไปเสีย
เพศของแมว (เพศผู้ที่ยังไม่ได้ทำหมันมีแนวโน้มที่จะเผชิญหน้ากับแมวตัวอื่นมากกว่า) และประสบการณ์ชีวิต รวมทั้ง นิสัย มีส่วนในการกำหนดท่าทีการตอบสนองต่อการบุกรุกอาณาเขต
ศาสตราจารย์เจมส์ เซอร์เพลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสวัสดิภาพสัตว์จากมหาวิทยาลัยเพนเซิลเวเนีย กล่าวว่าแมวแต่ละตัวมีการตอบสนองต่อสัตว์บุกรุกแตกต่างกันไปโดยไม่สนว่าจะเป็นสุนัขจิ้งจอก หรือสัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวของมันเอง หากแมวเผชิญหน้ากับสุนัขจิ้งจอกครั้งแรกและไล่ศัตรูหนีไปก็จะกล้าหาญมากขึ้น ถ้าเจอกับสุนัขจิ้งจอกอีก
สุนัขจิ้งจอกอาจมีขนาดใหญ่กว่าและมีกรามแข็งแรงกว่าแมว แต่จากหลักฐานชี้ว่าแมวมักจะเหนือชั้นกว่า
ข้อมูลวิจัยจาก VetCompass เมื่อปี 2013 ระบุว่าจากการตรวจของสัตวแพทย์ 10,000 คน พบแมว 5 ตัวที่ได้รับบาดเจ็บเพราะสุนัขจิ้งจอก และอีก 9 ตัวสงสัยว่าถูกหมาจิ้งจอกกัด เปรียบเทียบกับแมวได้รับบาดเจ็บ 541 ครั้งเพราะกัดกันเองและ 196 ครั้งเจ็บเพราะอุบติเหตุทางถนน
พีท เว็ดเดอร์เบิร์น สัตวแพทย์กล่าวว่าแมวบาดเจ็บเพราะทะเลาะกันเองมากกว่าถูกหมาจิ้งจอกโจมตี 40 เท่าและมากกว่าอุบัติเหตุทางถนน 14 เท่า
เทรวอร์โรว์กล่าวว่าแมวและหมาจิ้งจอกไม่ได้เป็นศัตรูกัน แต่ถ้าอยู่ใกล้กันเกินไปก็จะเปิดศึกกัน
ด้านเซอร์เพลล์กล่าวว่าแมวและหมาจิ้งจอกเป็นปฏิปักษ์กันตามสัญชาติญาณเพราะในอดีต 2 สปีชีส์นี้แข่งกันหาอาหาร จิ้งจอกกับแมวป่าแย่งกันหาอาหารประเภทเดียวกัน เช่น หนูและนก ส่วนหมาจิ้งจอกเมื่อโตเต็มวัยอาจคุกคามแมวป่าวัยหนุ่มและลูกแมว
ส่วนเดนนิส เทอร์เนอร์ ผู้อำนวยการสถาบันจิตวิทยาสัตว์ในสวิตเซอร์แลนด์กล่าวว่าแลร์รีรู้สึกว่าตัวเองเป็นแมวขาใหญ่ประจำบ้านเลขที่ 10 แม้ไม่ทำอันตรายและมักจะข่มใจไม่ฟัดกับแมวเพศผู้ตัวอื่น
แต่มักจะไล่ผู้บุกรุกให้ไปไกลๆ รวมทั้ง แมวที่มันไม่รู้จัก สุนัขและแม้แต่จิ้งจอกเหมือนในกรณีนี้ สุนัขจิ้งจอกตัวนี้เป็นตัวที่หากินในเมืองหลวง แต่พนันได้เลยว่ามันจะไม่กลับมาอีกนาน
……..
