อาณาจักรแบรนด์หรู LVMH ของมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก เจ้าของแบรนด์หรูกว่า 75 แบรนด์ เป็นบริษัทแรกในยุโรปที่มีมูลค่าตามราคาตลาดทะลุ 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันจันทร์ที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า อาณาจักรแบรนด์หรู LVMH Moet Hennessy Louis Vuitton SE มีมูลค่าตามราคาตลาด 454,000 ล้านยูโร (500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อเวลา 10.43 น. ของวันที่ 24 เมษายน 2566 ตามเวลาฝรั่งเศส กลายเป็นบริษัทยุโรปรายแรกที่มูลค่าตามราคาตลาดทะลุ 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีปัจจัยที่หนุนให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นคือ ยอดขายสินค้าหรูหราฟุ่มเฟือยที่เฟื่องฟูในประเทศจีน และค่าเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้น
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
ความสำเร็จนี้ของ LVMH เกิดขึ้นภายในเวลาไม่ถึงสองสัปดาห์หลังจากที่ LVMH เข้าไปติดอันดับ 10 ในการถูกจัดอันดับ “10 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก” โดยได้แรงหนุนจากยอดขายที่พุ่งสูงขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้ ส่วน Hermes International อาณาจักรสินค้าหรูอีกแห่งจากฝรั่งเศสก็มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งเช่นกัน เป็นการตอกย้ำมุมมองที่ว่าการกลับมาเปิดประเทศของจีนนั้นกำลังกระตุ้นการเติบโตของทั้งอุตสาหกรรมสินค้าหรู
มูลค่าที่เพิ่มขึ้นของ LVMH ได้เพิ่มพูนความมั่งคั่งของเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ (Bernard Arnault) บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ผู้สร้าง LVMH ให้เป็นบริษัทที่ทรงอิทธิพลระดับโลกโดยการซื้อกิจการคู่แข่ง ตอนนี้ความมั่งคั่งของเขาอยู่ที่เกือบ 212,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7.3 ล้านล้านบาท อิงตามข้อมูลเรียลไทม์ Bloomberg Billionaires Index
LVMH และคู่แข่งในอุตสาหกรรมสินค้าหรูจากฝรั่งเศสกำลังทำสิ่งที่เหมือนกับที่เหล่าบริษัทบิ๊กเทคเคยทำในสหรัฐ คือการเป็นธุรกิจที่โดดเด่นเติบโตได้ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือแย่ เห็นได้ชัดในการจัดอันดับมูลค่าตามราคาตลาดของบริษัททั่วโลก ซึ่งมีบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งที่ติดอันดับ โดยมี LVMH เป็นบริษัทล่าสุดที่เข้าสู่ลิสต์ในอันดับที่ 10
ลิเลีย เพย์ตาวิน (Lilia Peytavin) นักกลยุทธ์การลงทุนในยุโรปของ Goldman Sachs กล่าวว่า หุ้นของบริษัทสินค้าหรูเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ตลาดตราสารทุนจะนำเสนอในตอนนี้ ทั้งการบริโภคของชาวจีน ซึ่งยังคงสร้างความประหลาดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ และอัตรากำไรที่แข็งแกร่ง เนื่องจากเป็นสินค้าที่บริษัทมีอำนาจในการกำหนดราคา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้บริษัทสินค้าหรูแตกต่างจากบริษัทเทคที่อัตรากำไรหดตัวมาหลายไตรมาสแล้ว
ความต้องการสินค้าของ LVMH เพิ่มขึ้น เช่น กระเป๋าหลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton), แชมเปญโมเอต์ เอต์ ชงดง (Moet & Chandon) และคริสเตียน ดิออร์ (Christian Dior) เป็นต้น แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นได้คุกคามให้เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย
LVMH แจ้งต่อนักลงทุนในเดือนนี้ว่า การเติบโตของยอดขายในสหรัฐชะลอตัว โดยความต้องการซื้อเหล้าคอนญักและเครื่องหนังได้รับผลกระทบเป็นพิเศษ และนักลงทุนบางส่วนกังวลว่าหุ้นจะได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้หากเศรษฐกิจชะลอตัวแย่ลง
ในตอนนี้ ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังทำให้มูลค่าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐของ LVMH สูงขึ้น ขณะที่ค่าเงินยูโรในเดือนนี้พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ร่วงลง โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ของตลาดที่คาดเพิ่มขึ้นว่าเศรษฐกิจสหรัฐที่แย่ลงจะกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
นักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายในหุ้น LVMH ท่ามกลางราคาที่วิ่งสูงขึ้น นักวิเคราะห์มองเห็นช่องว่างที่จะทำกำไรเพิ่มเติม โดยนักวิเคราะห์ 30 คนจากทั้งหมด 36 คนที่ Bloomberg ติดตาม ได้จัดอันดับเครดิต LVMH ในระดับ “ลงทุน” หรือ “ซื้อ”
แอชลีย์ วอลเลซ (Ashley Wallace) จาก Bank of America มองว่าราคาหุ้น LVMH จะแตะ 1,000 ยูโรในปีหน้า เธอมองว่าหุ้น LVMH มีราคาถูกเกินไปเมื่อพิจารณาจากความน่าดึงดูดใจของภาคอุตสาหกรรมสินค้าหรู พอร์ตโฟลิโอของแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และการดำเนินงานที่ดีที่สุดในบรรดาบริษัทระดับเดียวกัน
